นับถอยหลังเพียงไม่กี่วัน การประชุมสุดยอดอาเซียน (ASEAN Summit Meeting) ครั้งที่ 10 และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้องจะเปิดฉากขึ้น ณ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ระหว่างวันที่ 24-30 พฤศจิกายน
นายวินิจฉัย แจ่มแจ้ง รองอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ในการประชุมระดับรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน ในวันที่ 27 พฤศจิกายน 2547 รัฐมนตรีเศรษฐกิจจะลงนามในเอกสารสำคัญ ได้แก่ 1)กรอบความตกลงว่าด้วยการรวมกลุ่มสินค้าและบริการสำคัญของอาเซียน ซึ่งจะเสนอต่อผู้นำอาเซียนพิจารณาลงนาม เพื่อเป็นการนำร่องสำหรับการรวมกลุ่มสินค้าและบริการสำคัญ 11 สาขาของอาเซียน ได้แก่ เกษตร, ประมง, ผลิตภัณฑ์ไม้ , ผลิตภัณฑ์ยาง, สิ่งทอ, ยานยนต์, อิเล็กทรอนิกส์, เทคโนโลยีสารสนเทศ, สาขาสุขภาพ, การท่องเที่ยว, การบิน โดยมีวัตถุประสงค์สำคัญเพื่อให้อาเซียนมีตลาดและฐานการผลิตร่วมกัน และมีการเคลื่อนย้ายสินค้า บริการ การลงทุน เงินทุน และแรงงานมีฝีมืออย่างเสรียิ่งขึ้น
2)พิธีสารว่าด้วยการรวมกลุ่มรายสาขา 11 ฉบับ ซึ่งจะรวมเป็นส่วนหนึ่งของกรอบความตกลงว่าด้วยการรวมกลุ่มสินค้าและบริการสำคัญของอาเซียน โดยรัฐมนตรีที่รับผิดชอบการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจของอาเซียนจะเป็นผู้ลงนาม 3)พิธีสารอาเซียนว่าด้วยกลไกระงับข้อพิพาทฉบับใหม่ เพื่อใช้แทนพิธีสารว่าด้วยการระงับข้อพิพาทของอาเซียน ปี 2539 ซึ่งรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนจะเป็นผู้ลงนาม และ 4)ความตกลงการค้า สินค้าระหว่างอาเซียน-จีน ซึ่งรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนและจีนจะเป็นผู้ลงนาม
นอกจากนี้ ที่ประชุมผู้นำอาเซียนจะมีการประกาศเริ่มต้นการเจรจาเขตการค้าเสรี (FTA) ระหว่างอาเซียนกับประเทศคู่เจรจาอื่น ได้แก่ ญี่ปุ่น เกาหลี และออสเตรเลีย/นิวซีแลนด์ โดยทั้งหมดจะเริ่มเจรจาในช่วงต้นปี 2548 และกำหนดให้แล้วเสร็จภายใน 2 ปี