ชาวนารอเก้อ! รัฐยังไม่เริ่มซื้อข้าว

ไทยรัฐ 3 มิ.ย. 51 - นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์เตรียมเสนอให้คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ช่วยเหลือชาวนาในเร็วๆ นี้ เพราะราคาข้าวเปลือกเจ้าลดลงมาเหลือตันละ 12,000-13,000 บาท จากก่อนหน้านี้ที่ตันละ 15,000 บาท โดยจะเสนอให้ กขช.กำหนดราคาที่รัฐบาลจะรับซื้อข้าวเปลือกเจ้าจากชาวนาโดยตรงครั้งใหม่ รวมถึงกำหนดปริมาณที่จะรับซื้อ
?ราคาข้าวปรับตัวลงเล็กน้อยตามกลไกตลาด เพราะข้าวนาปรังเริ่มออกสู่ตลาดมากขึ้น แต่ยังเป็นราคาที่สูงอยู่ ซึ่ง กขช.ต้องพิจารณาว่า รัฐจะซื้อที่ราคาเท่าไร จะใช้ราคาเดิมที่เคยอนุมัติแล้วที่ตันละ 14,000 บาท หรือสูงกว่า หรือต่ำกว่า ส่วนกรณีที่ชาวนาร้องเรียนว่ามีการกดราคารับซื้อนั้น ได้มอบหมายให้กรมการค้าภายในติดตามอย่างใกล้ชิด หากพบว่ามีหลักฐานชัดเจน ก็ให้ดำเนินการตามกฎหมายทันที?
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อประมาณ 2 สัปดาห์ก่อน กขช.ได้อนุมัติให้ อคส. กู้เงินจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ซื้อข้าวจากชาวนาโดยตรง โดยข้าวเปลือกเหนียว ความชื้นไม่เกิน 15% ตันละ 9,000 บาท และข้าวเปลือกเจ้าตันละ 14,000 บาท แต่จนถึงขณะนี้ อคส.ไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะยังไม่มีคณะกรรมการบริหาร (บอร์ด) ชุดใหม่ และตามกฎหมายของ อคส.หากต้องผูกพันทางนิติกรรม และใช้งบประมาณเกิน 100 ล้านบาท ต้องผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก่อน กระทรวงพาณิชย์จึงต้องเสนอ กขช.เพื่อขอแนวทางใหม่อีกครั้ง นอกจากนี้ ยังมีความเป็นไปได้สูงที่จะปรับลดราคารับซื้อลง จากเดิมที่ตันละ 14,000 บาท เพราะราคาข้าวมีแนวโน้มลดลง จากผลผลิตที่เพิ่มขึ้น
นายวัฒนา รัตนวงศ์ นายกสมาคมโรงสีข้าวไทย กล่าวว่า ราคาข้าวขาวขณะนี้ตกลงมาเฉลี่ยอยู่ที่ตันละ 12,000 บาท ไม่เกี่ยวกับโรงสีกดราคา และไม่เข้าใจว่า ราคาตลาดในต่างประเทศไม่ได้ลดลง แต่ทำไมราคาข้าว เปลือกในประเทศลดลง ในเร็วๆนี้จะเข้าพบนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธาน กขช.เพื่อยื่นข้อเสนอให้รัฐเปิดรับจำนำข้าวในราคาที่เหมาะสม ขณะที่นายประสิทธิ์ บุญเฉย นายกสมาคมชาวนาไทย กล่าวว่า วันที่ 3 มิ.ย.นี้ สมาคมจะแถลงจุดยืน เพราะขณะนี้ราคาตกต่ำมาก เป็นเพราะ รมว.พาณิชย์ ไม่ทำอะไรเลย และรัฐบาลยังไม่รับซื้อข้าวจากชาวนา หากยังนิ่งเฉย ชาวนาจะประท้วงรัฐบาลร่วมกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย.

เนื้อหาข่าวเป็นการรวบรวมเพื่อการศึกษาวิจัยเท่านั้น อันเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ มิได้นำไปเพื่อการค้าแต่อย่างใด