สมาชิกเครือข่ายองค์กรภาคประชาชนสิบเอ็ดเครือข่ายมากกว่าหนึ่งหมื่นคนที่ ชุมนุมอยู่ ณ ที่นี้ สมาชิกอีกนับแสนๆคนซึ่งรอฟังผลการประชุมอยู่ที่บ้าน ประชาชนไทยที่เคารพ และเพื่อนสื่อมวลชนที่รักทุกท่าน
เครือข่ายสิบเอ็ดองค์กรภาคประชาชนขอประกาศว่าวัตถุประสงค์ในการชุมนุมของ พวกเราได้บรรลุวัตถุประสงค์แล้วในขั้นต้นแล้ว และเป็นชัยชนะครั้งแรกของสังคมไทยทำให้ประเด็นการเจรจาข้อตกลงเขตการค้าเสรี ได้กลายเป็นประเด็นนโยบายสาธารณะที่สังคมไทยทั้งหมดได้เฝ้าจับตา และการให้คำมั่นสัญญาของรัฐบาลเกี่ยวกับการลงนามข้อตกลงเขตการค้าเสรีกับ สหรัฐอเมริกาว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อประชาชน จะเป็นการตัดสินใจอนาคตทางการเมืองของรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรในท้ายที่สุด
ชัยชนะข้อแรก
นี่เป็นครั้งแรกที่ข้อกังวลของผู้ป่วยและผู้บริโภคเกี่ยวกับเรื่องยาแพง เพราะการผูกขาดยาโดยการขยายอายุสิทธิบัตรมากกว่าข้อตกลงในองค์กรการค้าโลก ผลกระทบเกี่ยวกับภาคเกษตรกรรมที่จะทำให้เกษตรกรล่มสลายและทรัพยากรธรรมชาติ ถูกยึดครอง ได้กลายเป็นประเด็นสำคัญในหนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ เป็นการเปิดพื้นที่ข่าว ขยายพื้นที่การรับรู้เพื่อให้สังคมไทยทั้งหมดให้ได้มาพิจารณาเรื่องนี้ร่วม กัน ในสถานการณ์ที่สื่อมวลชนโดยเฉพาะสถานีโทรทัศน์ปราศจากเสรีภาพที่จะขุดคุ้ย เอาประเด็นผลประโยชน์ทับซ้อนและความเสียหายของประเทศที่เกิดจากเอฟทีเออก มาตีแผ่
ก่อนหน้านี้กระบวนการเจรจาเอฟทีเอเป็นเรื่องการตัดสินใจของรัฐบาลและ อุตสาหกรรมอาหาร ชิ้นส่วนยานยนต์และโทรคมนาคมซึ่งใกล้ชิดแนบแน่นกับรัฐบาลแต่เพียงกลุ่มเดียว กระบวนการของรัฐสภาล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงในการตรวจสอบการทำเอฟทีเอ ทั้งๆที่สมาชิกวุฒิสภาจำนวนหนึ่งได้ทำงาน อย่างหนักในการคัดค้านการทำเอฟทีเอโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสหรัฐอมริกา ทั้งนี้โดยไม่ต้องกล่าวถึงสมาชิกในสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งมากกว่าสองในสามเป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทย ถูกพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรให้สัมภาษณ์ดูแคลนว่าไม่มีความรู้เพียงพอที่จะพิจารณาเรื่องอันสำคัญ นี้
ชัยชนะประการที่สอง
หลังการชุมนุมของเครือข่ายสิบเอ็ดองค์กรภาคประชาชนเมื่อวันที่เก้ามกราคม ที่ผ่านมา นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีและประธานคณะกรรมการกำหนดยุทธศาสตร์การทำเอฟทีเอของประเทศ ได้ให้แถลงว่า ?เรื่องทรัพย์สินทางปัญญานั้น ยืนยันว่าสิ่งใดที่ทำให้ไทยลำบากจะไม่ทำแน่นอน นอกจากนี้นายกรัฐมนตรีเองพูดชัดว่าในเรื่องสิทธิบัตรยาต้องดูให้ดีเป็นพิเศษ ถ้าเสียผลประโยชน์ต้องตั้งป้อมสู้? (มติชน สิบมกราคม สองพันห้าร้อยสี่สิบเก้า)
ในขณะที่นายสุรพงษ์ สืบวงศ์ลีโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีได้แถลงว่า ? พ.ต.ท.ทักษิณ กำชับให้มีการเจรจาโดยการคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญ หากสินค้าใดที่ไทยเสียเปรียบจะไม่มีการตกลงอย่างแน่นอน และขอให้นำข้อท้วงติงของผู้คัดค้านมาเป็นข้อมูลประกอบการเจรจาด้วย? (มติชน สิบเอ็ดมกราคมสองพันห้าร้อยสี่สิบเก้า)
เราถือว่านี่คือการให้คำมั่นสัญญาต่อประชาชนไทยทั้งประเทศ โดยมีสื่อมวลชนเป็นสักขีพยานว่ารัฐบาลจะไม่ยอมตกลงเอฟทีทำให้มีการผูกขาดยา และยามีราคาแพง และไม่ยอมเปิดตลาดสินค้าเกษตรที่เกษตรกรเป็นจำนวนมากต้องได้รับผลกระทบ
นี่คือชัยชนะขั้นต้นของพี่น้องประชาชนทั้งสิบเอ็ดเครือข่ายและเป็นชัยชนะขั้นต้นของคนไทยทั้งประเทศด้วย
เพื่อนผู้ร่วมชุมนุม และพี่น้องประชาชนไทยที่เคารพทุกท่าน เราขอประกาศว่าเราจะผนึกกำลังกันติดตามข้อตกลงเอฟทีเอต่อไป เพราะขณะนี้ข้อตกลงดังกล่าวกำลังดำเนินไปใกล้แล้วเสร็จและจะมีสรุปผลการ เจรจาภายในเมษายน สองพันห้าร้อยสี่สิบเก้านี้
เราขอประกาศบนแผ่นดินอันเป็นที่ตั้งของพระธาตุดอยสุเทพอันศักดิ์สิทธิ์ และต่อสิ่งศักดิ์ของทุกศาสนาว่า เราจะติดตามตรวจสอบในทุกบรรทัด ทุกประโยค และทุกถ้อยคำในข้อตกลงเขตการค้าเสรีระหว่างประเทศไทยกับสหรัฐอเมริกา โดยจะมิยินยอมให้มีข้อความใดที่ทำให้ประเทศชาติต้องสูญเสียอธิปไตย ผู้ป่วยได้รับผลกระทบจากยาแพง และเกษตรกรคนส่วนใหญ่ของประเทศต้องล่มสลาย
เมื่อใดก็ตามข้อตกลงเอฟทีเอทำให้เกิดความเสียหายดังกล่าว แสดงว่ารัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรตระบัดสัตย์และไม่เคารพต่อสัญญาที่ให้ไว้กับมหาชน พวกเราเครือข่ายองค์กรภาคประชาชนสิบเอ็ดองค์กร จะกลับมาระดมพลพร้อมเพรียงกันอีกครั้งหนึ่งที่ทำเนียบรัฐบาล โดยเมื่อวันนั้นมาถึง จำนวนเครือข่ายขององค์กรภาคประชาชนและผู้เข้าร่วมชุมนุมจะมากกว่านี้นับสิบ เท่าร้อยเท่า
เราจะเรียกร้องและดำเนินการทุกวิถีทางภายใต้รัฐธรรมนูญและโดยสันติวิธีเพื่อให้คำเรียกร้องทั้งหมดบรรลุผล
ขอขอบพระคุณพี่น้องชาวเชียงใหม่เป็นจำนวนมากที่โบกธงสนับสนุนเมื่อพวกเรา เคลื่อนขบวนผ่าน ขอขอบคุณน้ำเย็นบรรจุขวดที่ท่านมอบให้สมาชิกของเรา และขอบคุณที่บางท่านเปิดบ้านเชื้อเชิญให้พวกเราเข้าไปดื่มน้ำ รับประทานอาหารถึงในตัวบ้านเพื่อแสดงความสนับสนุน และอีกเป็นจำนวนมากที่กำลังใจ
เครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ แห่งประเทศไทยเครือข่ายเกษตรกรรมทางเลือก, สหพันธ์องค์กรผู้บริโภค, เครือข่ายป่าไม้-ที่ดิน 4 ภาค, สหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ, เครือข่ายสลัมสี่ภาค, สภาเครือข่ายองค์กรประชาชนแห่งประเทศไทย, สมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์, สมัชชาคนจน, สหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศ(สนนท.) และกลุ่มศึกษาข้อตกลงเขตการค้าเสรีภาคประชาชน(FTA Watch)