แถลงการณ์ การใช้อำนาจบาทใหญ่ของสหรัฐฯ และความไม่โปร่งใสในการดำเนินงานขององค์การอนามัยโลก

โดย  กลุ่มศึกษาข้อตกลงเขตการค้าเสรีภาคประชาชน(FTA Watch)

จากรายงานข่าวของ เอเซียไทม์ส ฉบับวันที่ 17 มิถุนายน 2549 เรื่อง World health: A lethal dose of US politics? โดย Dylan C Willium ระบุว่า การที่องค์การอนามัยโลก (WHO) มีคำสั่งย้ายกระทันหัน นพ.วิลเลี่ยม อัลดิส (William Aldis) ผู้แทนองค์การอนามัยโลกในไทยที่เพิ่งดำรงตำแหน่งได้เพียง 16 เดือน จากปกติเทอมละ 4 ปี ไปตำแหน่งนักวิจัยในองค์การอนามัยโลกที่กรุงนิวเดลลี ประเทศอินเดียนั้น เป็นเพราะได้รับแรงกดดันจากสหรัฐอเมริกาที่ไม่พอใจข้อเขียนของนพ.อัลดิส เรื่อง เอฟทีเอ ไทย-สหรัฐ ที่ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ เมื่อเดือน 9 มกราคม 2549 ช่วงเวลาเดียวกับที่มีการเจรจาเอฟทีเอ ไทย-สหรัฐรอบที่ 6 ที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยระบุว่า เมื่อวันที่ 23 มีนาคมที่ผ่านมา ฑูตสหรัฐประจำสหประชาชาติได้เข้าพบนพ.ลียองวุ๊ค (เลขาธิการองค์การอนามัยโลกที่เพิ่งเสียชีวิต เมื่อวันที่ 22 พ.ค ที่ผ่านมา) และตามด้วยการส่งหนังสือจากรัฐบาลสหรัฐ แสดงความไม่พอใจผู้แทนองค์การอนามัยโลกในไทยที่วิจารณ์เอฟทีเอไทย-สหรัฐ และกดดันให้มีการตักเตือนเจ้าหน้าที่ดังกล่าวให้ทำตัวเป็นกลาง จากนั้นไม่นาน นพ.ลียองวุ๊คก็มีคำสั่งย้าย นพ.วิลเลี่ยม อัลดิส ไปดำรงตำแหน่งนักวิจัยในองค์การอนามัยโลกที่ กรุงเดลลี ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับเจ้าหน้าที่หลายฝ่ายของ WHO เป็นอย่างมาก เพราะที่ผ่านมา จุดยืนของ นพ.ลียองวุ๊คก็เข้าข้างสหรัฐฯมาโดยตลอด ข้อมูลดังกล่าวตรงกับรายงานใน วารสารทางการแพทย์ แลนเซท เดือน มิถุนายน 2549 ที่ระบุว่า คำสั่งย้ายนพ.วิลเลี่ยม อัลดิส แบบฟ้าผ่านี้ แสดงถึงอิทธิพลของสหรัฐอเมริกาต่อการดำเนินงานขององค์การอนามัยโลก

จากข่าวข้างต้นกลุ่มศึกษาข้อตกลงเขตการค้าเสรีภาคประชาชน ซึ่งเป็นเครือข่ายภาคประชาชนที่ติดตามการเจรจาข้อตกลงเอฟทีเอ โดยเฉพาะระหว่างไทยและสหรัฐมาโดยตลอด ดังรายนามสมาชิกดังนี้ เครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ประเทศไทย ,มูลนิธิเข้าถึงเอดส์, กลุ่มศึกษาปัญหายา, องค์กรความหลากหลายทางชีวภาพและภูมิปัญญาไทย, โครงการยุทธศาสตร์นโยบายฐานทรัพยากร คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ, โฟกัส, มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค, เครือข่ายเกษตรกรรมทางเลือก, ชมรมสิทธิเก่าบูรณะชนบทและเพื่อน, คณะกรรมการองค์กรพัฒนาเอกชนด้านเอดส์, คณะทำงานโลกาภิวัฒน์, คณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน, กลุ่มศึกษาและรณรงค์มลภาวะอุตสาหกรรม และมูลนิธิพัฒนาภาคเหนือ ขอประนามรัฐบาลสหรัฐฯ ที่เข้าแทรกแซงการทำงานขององค์การระหว่างประเทศ ทั้งๆ ที่การทำงานของนพ.วิลเลี่ยม อัลดิส ผู้แทนองค์การอนามัยโลกประจำประเทศไทย เป็นการทำงานตามหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นความกล้าหาญในการทำงาน เพื่อคุ้มครองสุขภาวะของประชาชน-โดยฉพาะอย่างยิ่งคนไทย และไม่ยอมให้อำนาจการค้าธุรกิจยาอยู่เหนืออธิปไตยของประเทศในการเข้าถึงยาจำ เป็น ถ้าสังคมโลกมีรัฐบาลอย่างสหรัฐฯที่คอยเอาเปรียบข่มเหงและปล้นอธิปไตยของ ประเทศอื่นๆ อย่างไร้ความละอาย ควบคู่กับแทรกแซงองค์กรระหว่างประเทศโดยเฉพาะองค์การอนามัยโลกที่ถือได้ว่า เป็นหน่วยงานสากลที่มีความเป็นอิสระต้องพิทักษ์สุขภาวะของโลก

แต่จะเกิดความเป็นธรรมในการรักษาสุขภาวะของประชานโลกได้ อย่างไร หากมีการแทรกแซงการทำงานขององค์กรอิสระเช่นองค์การอนามัยโลก เราจึงขอประนามอย่างรุนแรงต่อการใช้อิทธิพลของรัฐบาลสหรัฐฯ ในครั้งนี้

นอกจากนี้ เราขอเรียกร้องให้องค์การอนามัยโลกพิจารณาตนเองในการทำหน้าที่พิทักษ์สุข ภาวะของโลก โปรดอย่ายอมจำนนอยู่ภายใต้อิทธิพลของรัฐบาลสหรัฐฯ โดยละเมิดและริดรอนสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกของบุคลากรชั้นมันสมองที่คอย พิทักษ์ผลประโยชน์ของประเทศสมาชิกอย่างนพ.วิลเลี่ยม อัลดิส องค์การอนามัยโลกจะอธิบายให้สังคมโลกเชื่อมั่นในการทำหน้าที่พิทักษ์สุขภาวะ ของโลกต่อไปได้อย่างไร

สุดท้ายนี้ เราขอเรียกร้องให้รัฐบาลไทยออกมาแสดงความกล้าหาญคัดค้านองค์การอนามัยโลกที่ ประเทศไทยเป็นสมาชิก ในการย้าย นพ.วิลเลี่ยม อัลดิส ที่ทำหน้าที่เป็นอย่างดีเพื่อพิทักษ์ผลประโยชน์ของคนไทยอย่างเข้มแข็ง

หมวดหมู่ของเนื้อหาในเว็บ: 
เอฟทีเอรายประเทศ: