9 Feb 2007
กลุ่มศึกษาข้อตกลงเขตการค้าเสรีภาคประชาชน(FTA Watch)

<p></p>
<p><span style="font-size: small;"><span style="font-family: Tahoma;">ศาตราจารย์คาร์ลอส คอร์เรีย นักวิชาการด้านทรัพย์สินทางปัญญาซึ่งมีชื่อเสียงระดับโลก ซึ่งเป็นตัวแทนของรัฐบาลอาร์เจนตินาและเป็นที่ปรึกษาของกลุ่มประเทศ G77 ในการเจรจาเรื่องทรัพย์สินทางปัญญาในองค์กรการค้าโลก(TRIPs) ในอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ(CBD) และสนธิสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยทรัพยากรพันธุกรรมพืชเพื่ออาหารและการเกษตร (ITPGR-FA ) ได้ส่งจดหมายอิเลคโทรนิคส์ยืนยันว่า มาตรา 130(3)ในเอฟทีเอไทย-ญี่ปุ่นนั้น เปิดทางให้มีการจดสิทธิบัตรจุลชีพตามธรรมชาติ ซึ่งเป็นการเปิดทางให้ญี่ปุ่นเข้ามาครอบครองทรัพยากรชีวภาพของประเทศไทยในอนาคต ในจดหมายลงวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2550 มีข้อความซึ่งแปลได้ดังนี้</span></span></p>
<p align="left"><span style="font-size: small;"><span style="font-family: Tahoma;"> </span></span><font size="3"></font></p>
<table cellspacing="5" cellpadding="5" border="0" bgcolor="#c5c5c5" width="100%" style="width: 100%;">
<tbody>
<tr>
<td>
<p align="left"><span style="font-size: small;"><span style="font-family: Tahoma;">" ก่อนอื่นผมต้องขออภัยที่ตอบจดหมายล่าช้า ทั้งนี้เนื่องจากผมติดธุระมีกำหนดการที่แน่นมากที่ปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ตามความในมาตรา 130(3) ข้อตกลงความร่วมมือญี่ปุ่น-ไทย อาจถูกตีความไปไกลถึงการอนุญาตให้มีการจดสิทธิบัตรในจุลชีพที่พบได้ในธรรมชาติ หากตรงตามเงื่อนไขในองค์ประกอบการจดสิทธิบัตร (มีความใหม่ มีขั้นตอนการประดิษฐ์สูงขึ้น และสามารถประยุกต์ใช้ในทางอุตสาหกรรม) กล่าวกันให้ชัดๆคือ ร่างข้อตกลงนี้มีความพยายามเร่งให้ตีความในทำนองที่ว่าจุลชีพชนิดหนึ่งๆนั้นอาจถือได้ว่าเป็น "สิ่งประดิษฐ์" นั่นเอง ทั้งสิ้นทั้งปวงนี้ มันคือหลักการทริปส์ผนวกนั่นเอง หลังจากที่ข้อตกลงทริปส์ไม่ได้นิยามไว้ว่า "สิ่งประดิษฐ์ จะมีความหมายกินความไปถึงไหน ในขณะที่ข้อตกลงทริปส์ผูกพันต่อภาคีสมาชิกในการจดสิทธิบัตรจุลชีพ ซึ่งข้อตกลงทริปส์ได้เปิดช่องว่างให้ภาคีสมาชิกดูความเป็นไปได้ที่จะวางจข้อจำกัดในการอนุญาตให้จดสิทธิบัตรในจุลชีพที่พัฒนาปรับปรุงขึ้นมา ซึ่งไม่ได้เกิดและพบในสภาพธรรมชาติ" </span></span></p>
<p align="right"> </p>
</td>
</tr>
</tbody>
</table>
<p></p>
<p><span style="font-size: small;"><span style="font-family: Tahoma;"></span></span></p>
<p align="left"> </p>
<p><span style="font-family: Tahoma;"></span></p>
<p align="left"><font size="3"></font></p>
<table cellspacing="5" cellpadding="5" border="0" bgcolor="#c5c5c5" width="100%" style="width: 100%;">
<tbody>
<tr>
<td>
<p align="right"> </p>
</td>
</tr>
</tbody>
</table>
<p></p>
<p><span style="font-size: small;"><span style="font-family: Tahoma;"></span></span></p>
<p align="left">
<table cellspacing="5" cellpadding="5" border="0" bgcolor="#c5c5c5" width="100%" style="width: 100%;">
<tbody>
<tr>
<td>
<p align="right"> <em>แปลโดย อ.เจริญ คัมภีรภาพ -รองอธิการบดี ม.ศิลปากร</em></p>
</td>
</tr>
</tbody>
</table>
</p>
<p></p>
<p><span style="font-size: small;"><span style="font-family: Tahoma;"><img height="435" border="0" width="452" src="http://www.ftawatch.info/sites/default/files/FriFebruary200716046_show_2..." alt="" /></span></span></p>
<p><span style="font-size: small;"><span style="font-family: Tahoma;">ภายใต้กฎหมายสิทธิบัตร พ.ศ.2522 แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2542 ไม่อนุญาตให้มีการจดสิทธิบัตรที่เกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตโดยบัญญัติไว้ว่า “จุลชีพและส่วนประกอบส่วนใดส่วนหนึ่งของจุลชีพที่มีอยู่ตามธรรมชาติ สัตว์ พืช หรือสารสกัดจากสัตว์หรือพืช ไม่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติ" แต่ข้อบทในความตกลงเอฟทีเอไทย-ญี่ปุ่นกลับเขียนข้อความซึ่งเปิดโอกาสให้มีการจดสิทธิบัตรจุลชีพตามธรรมชาติ ดังปรากฏอยู่ในข้อบทตามมาตรา 130(3) ว่า “ภาคีแต่ละฝ่ายจะต้องให้ความมั่นใจว่าคำขอรับสิทธิบัตรใดๆจะไม่ถูกปฏิเสธด้วยเหตุผลเพียงอย่างเดียวว่า สาระที่ขอถือสิทธิในคำขอนั้นเกี่ยวข้องกับจุลชีพที่เกิดตามธรรมชาติ” <br />
คณะเจรจาอ้างว่าข้อบทดังกล่าวไม่ได้มากไปกว่าพันธกรณีที่ประเทศมีภายใต้องค์กรการค้าโลก แต่ศการตีความของศาสตราจารย์คาร์ลอส คอร์เรีย ซึ่งเพิ่งเดินทางมาประเทศไทยเพื่อสนับสนุนรัฐบาลไทยในการใช้มาตรการบังคับใช้สิทธิ์เมื่อเร็วๆนี้เห็นไปในทางตรงกันข้าม สอดคล้องกับการวิเคราะห์ของไบโอไทย นักกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญา นักวิชาการสาขาต่างๆ รวมทั้งการตีความของสำนักงานกฎหมายขั้นนำในประเทศไทยด้วย</span></span></p>
<p><span style="font-size: small;"><span style="font-family: Tahoma;">ไบโอไทยเรียกร้องให้รัฐบาลต้องแก้ไขและปิดช่องโหว่นี้ด้วยการตัดข้อความใน 130(3)ออกทั้งหมดเช่นเดียวกับที่ปรากฏใน JPEPA หรือตัดข้อความ “naturally occurring” ออกไปเพื่อให้ข้อบทนี้เหมือนกับเอฟทีเอที่ญี่ปุ่นทำกับประเทศมาเลเซีย หรือมิฉะนั้นก็ตัดออกทั้งหมวดเลยเช่นเดียวกับเอฟทีเอที่ญี่ปุ่นทำกับประเทศฟิลิปปินส์</span></span></p>
<p><font face="Tahoma, Verdana, Arial, Helvetica, Sans Serif"><font size="3"><font color="#ff0000"><a href="http://www.netamericas.net/Paginas/ccorreaWP.asp"><span style="font-size: small;"><span style="font-family: Tahoma;">DR.<strong><u>Carlos Correa</u></strong></span></span></a></font></font></font></p>
<p><span style="font-size: small;"><span style="font-family: Tahoma;">ศาตราจารย์คาร์ลอส คอร์เรีย นักวิชาการด้านทรัพย์สินทางปัญญาซึ่งมีชื่อเสียงระดับโลก ซึ่งเป็นตัวแทนของรัฐบาลอาร์เจนตินาและเป็นที่ปรึกษาของกลุ่มประเทศ G77 ในการเจรจาเรื่องทรัพย์สินทางปัญญาในองค์กรการค้าโลก(TRIPs) ในอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ(CBD) และสนธิสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยทรัพยากรพันธุกรรมพืชเพื่ออาหารและการเกษตร (ITPGR-FA ) ได้ส่งจดหมายอิเลคโทรนิคส์ยืนยันว่า มาตรา 130(3)ในเอฟทีเอไทย-ญี่ปุ่นนั้น เปิดทางให้มีการจดสิทธิบัตรจุลชีพตามธรรมชาติ ซึ่งเป็นการเปิดทางให้ญี่ปุ่นเข้ามาครอบครองทรัพยากรชีวภาพของประเทศไทยในอนาคต ในจดหมายลงวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2550 มีข้อความซึ่งแปลได้ดังนี้</span></span></p>
<p align="left"><span style="font-size: small;"><span style="font-family: Tahoma;"> </span></span><font size="3"></font></p>
<table cellspacing="5" cellpadding="5" border="0" bgcolor="#c5c5c5" width="100%" style="width: 100%;">
<tbody>
<tr>
<td>
<p align="left"><span style="font-size: small;"><span style="font-family: Tahoma;">" ก่อนอื่นผมต้องขออภัยที่ตอบจดหมายล่าช้า ทั้งนี้เนื่องจากผมติดธุระมีกำหนดการที่แน่นมากที่ปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ตามความในมาตรา 130(3) ข้อตกลงความร่วมมือญี่ปุ่น-ไทย อาจถูกตีความไปไกลถึงการอนุญาตให้มีการจดสิทธิบัตรในจุลชีพที่พบได้ในธรรมชาติ หากตรงตามเงื่อนไขในองค์ประกอบการจดสิทธิบัตร (มีความใหม่ มีขั้นตอนการประดิษฐ์สูงขึ้น และสามารถประยุกต์ใช้ในทางอุตสาหกรรม) กล่าวกันให้ชัดๆคือ ร่างข้อตกลงนี้มีความพยายามเร่งให้ตีความในทำนองที่ว่าจุลชีพชนิดหนึ่งๆนั้นอาจถือได้ว่าเป็น "สิ่งประดิษฐ์" นั่นเอง ทั้งสิ้นทั้งปวงนี้ มันคือหลักการทริปส์ผนวกนั่นเอง หลังจากที่ข้อตกลงทริปส์ไม่ได้นิยามไว้ว่า "สิ่งประดิษฐ์ จะมีความหมายกินความไปถึงไหน ในขณะที่ข้อตกลงทริปส์ผูกพันต่อภาคีสมาชิกในการจดสิทธิบัตรจุลชีพ ซึ่งข้อตกลงทริปส์ได้เปิดช่องว่างให้ภาคีสมาชิกดูความเป็นไปได้ที่จะวางจข้อจำกัดในการอนุญาตให้จดสิทธิบัตรในจุลชีพที่พัฒนาปรับปรุงขึ้นมา ซึ่งไม่ได้เกิดและพบในสภาพธรรมชาติ" </span></span></p>
<p align="right"> </p>
</td>
</tr>
</tbody>
</table>
<p></p>
<p><span style="font-size: small;"><span style="font-family: Tahoma;"></span></span></p>
<p align="left"> </p>
<p><span style="font-family: Tahoma;"></span></p>
<p align="left"><font size="3"></font></p>
<table cellspacing="5" cellpadding="5" border="0" bgcolor="#c5c5c5" width="100%" style="width: 100%;">
<tbody>
<tr>
<td>
<p align="right"> </p>
</td>
</tr>
</tbody>
</table>
<p></p>
<p><span style="font-size: small;"><span style="font-family: Tahoma;"></span></span></p>
<p align="left">
<table cellspacing="5" cellpadding="5" border="0" bgcolor="#c5c5c5" width="100%" style="width: 100%;">
<tbody>
<tr>
<td>
<p align="right"> <em>แปลโดย อ.เจริญ คัมภีรภาพ -รองอธิการบดี ม.ศิลปากร</em></p>
</td>
</tr>
</tbody>
</table>
</p>
<p></p>
<p><span style="font-size: small;"><span style="font-family: Tahoma;"><img height="435" border="0" width="452" src="http://www.ftawatch.info/sites/default/files/FriFebruary200716046_show_2..." alt="" /></span></span></p>
<p><span style="font-size: small;"><span style="font-family: Tahoma;">ภายใต้กฎหมายสิทธิบัตร พ.ศ.2522 แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2542 ไม่อนุญาตให้มีการจดสิทธิบัตรที่เกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตโดยบัญญัติไว้ว่า “จุลชีพและส่วนประกอบส่วนใดส่วนหนึ่งของจุลชีพที่มีอยู่ตามธรรมชาติ สัตว์ พืช หรือสารสกัดจากสัตว์หรือพืช ไม่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติ" แต่ข้อบทในความตกลงเอฟทีเอไทย-ญี่ปุ่นกลับเขียนข้อความซึ่งเปิดโอกาสให้มีการจดสิทธิบัตรจุลชีพตามธรรมชาติ ดังปรากฏอยู่ในข้อบทตามมาตรา 130(3) ว่า “ภาคีแต่ละฝ่ายจะต้องให้ความมั่นใจว่าคำขอรับสิทธิบัตรใดๆจะไม่ถูกปฏิเสธด้วยเหตุผลเพียงอย่างเดียวว่า สาระที่ขอถือสิทธิในคำขอนั้นเกี่ยวข้องกับจุลชีพที่เกิดตามธรรมชาติ” <br />
คณะเจรจาอ้างว่าข้อบทดังกล่าวไม่ได้มากไปกว่าพันธกรณีที่ประเทศมีภายใต้องค์กรการค้าโลก แต่ศการตีความของศาสตราจารย์คาร์ลอส คอร์เรีย ซึ่งเพิ่งเดินทางมาประเทศไทยเพื่อสนับสนุนรัฐบาลไทยในการใช้มาตรการบังคับใช้สิทธิ์เมื่อเร็วๆนี้เห็นไปในทางตรงกันข้าม สอดคล้องกับการวิเคราะห์ของไบโอไทย นักกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญา นักวิชาการสาขาต่างๆ รวมทั้งการตีความของสำนักงานกฎหมายขั้นนำในประเทศไทยด้วย</span></span></p>
<p><span style="font-size: small;"><span style="font-family: Tahoma;">ไบโอไทยเรียกร้องให้รัฐบาลต้องแก้ไขและปิดช่องโหว่นี้ด้วยการตัดข้อความใน 130(3)ออกทั้งหมดเช่นเดียวกับที่ปรากฏใน JPEPA หรือตัดข้อความ “naturally occurring” ออกไปเพื่อให้ข้อบทนี้เหมือนกับเอฟทีเอที่ญี่ปุ่นทำกับประเทศมาเลเซีย หรือมิฉะนั้นก็ตัดออกทั้งหมวดเลยเช่นเดียวกับเอฟทีเอที่ญี่ปุ่นทำกับประเทศฟิลิปปินส์</span></span></p>
<p><font face="Tahoma, Verdana, Arial, Helvetica, Sans Serif"><font size="3"><font color="#ff0000"><a href="http://www.netamericas.net/Paginas/ccorreaWP.asp"><span style="font-size: small;"><span style="font-family: Tahoma;">DR.<strong><u>Carlos Correa</u></strong></span></span></a></font></font></font></p>
หมวดหมู่ของเนื้อหาในเว็บ:
เอฟทีเอรายประเทศ: