ผู้บริโภคหนุนจุดยืนกระทรวงสาธารณสุข ให้บริษัทยาขายยาไม่เกินร้อยละ 5 ของราคายาสามัญ พร้อมบอยคอต แอ๊บบอตต่อ
consumerthai : วันนี้(24 ก.ค.) มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค มูลนิธิเข้าถึงเอดส์ และเครือข่ายผู้ติดเชื้อ แถลงข่าวสนับสนุนจุดยืนของกระทรวงสาธารณสุข ที่ขอให้บริษัทยา ขายยาต้นตำหรับไม่เกิน ร้อยละ 5 ของราคายาสามัญ พร้อมกันนี้ยังได้ประกาศเตรียมพร้อมที่จะสู้กับบริษัทยา และร่วมกันประณามพฤติกรรมของบริษัท แอ็บบอต ลาบอราตอรีส
นางสาวสารี อ๋องสมหวัง กรรมการและผู้จัดการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าวว่าพฤติกรรมของบริษัท แอ็บบอต นั้น ขัดต่อ พรบ. การแข่งขันทางการค้า และขณะนี้มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคและเครือพันธมิตรได้ ยื่นเรื่องต่อกรมการค้าภายในแล้ว จะมีการพิจารณาเรื่องดังกล่าวในเดือนสิงหาคมที่จะถึงนี้
นอกจากนี้มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคและ องค์กรผู้บริโภคในอีก 6 ประเทศ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ มาเลเซีย สิงคโปร์ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ บรูไน และอินโดนีเซีย จะร่วมมือกันรณรงค์เพื่อบอยคอตสินค้าของบริษัทแอ็บบอต
นายนิมิตร์ เทียนอุดม ผู้อำนวยการมูลนิธิเข้าถึงเอดส์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาบริษัทยาข้ามชาติเหล่านี้ยังไม่ได้แสดงถึงความจริงใจที่จะร่วมแก้ปัญหาดังกล่าวร่วมกับประเทศไทย และไม่ได้คำนึงถึงชีวิตของผู้ป่วยเป็นสำคัญ โดยยกตัวอย่างถึงกรณีของบริษัทพรีมา ที่ขณะนี้ก็ยังผัดผ่อนการเข้าร่วมประชุมกับคณะกรรมการที่ประกอบด้วยตัวแทนจากองค์กรที่เกี่ยวข้องทั้งจากองค์กรรัฐ องค์กรพัฒนาเอกชน และบริษัทยา ซึ่งคณะกรรมการชุดดังกล่าวมีการแต่งตั้งเสร็จสิ้นตั้งแต่สามเดือนที่แล้ว
อีกทั้งบริษัทยาข้ามชาติ ยังคงยืนยันที่จะขายยาในราคาที่สูงกว่าร้อยละ 5 พร้อมทั้งมีเงื่อนไขว่าประเทศไทยจะต้องยกเลิกการบังคับใช้สิทธิ (ซีแอล) ด้วย แต่มูลนิธิเข้าถึงเอดส์ เครือข่ายผู้ติดเชื้อ และมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ยังคงสนับสนุนให้กระทรวงสาธารณสุข รักษาจุดยืนที่ขอให้บริษัทเสนอราคาขายยาต้นตำหรับของตนเองในได้ราคาไม่เกิน ร้อยละ 5 ของราคายาสามัญ
“เป้าหมายของการเคลื่อนไหวครั้งนี้ คือ การทำให้ผู้ป่วยที่มีความจำเป็นต้องพึ่งพายาราคาแพง สามารถเข้าถึงยาดังกล่าวได้ และการที่รัฐบาลประกาศบังคับใช้สิทธินั้นเป็นแค่หนึ่งในวิธีการที่จะไปถึงเป้าหมายดังกล่าว เท่านั้น” ผู้อำนวยการมูลนิธิเข้าถึงเอดส์ กล่าว
นอกจากนี้นายนิมิต ยังได้ชักชวนให้ผู้บริโภคลดการพึ่งพายาต้นตำหรับ และหันมาใช้ยาชื่อสามัญกันมากขึ้น นายนิมิตกล่าวว่าตนมั่นใจว่ากว่าร้อยละ 90 ของยาในท้องตลาดนั้น มียาชื่อสามัญที่สามารถหาซื้อได้ในราคาถูกกว่าอยู่อย่างแน่นอน โดยยกตัวอย่างยาหยอดตาชนิดหนึ่ง ชนิดที่เป็นยาต้นตำหรับนั้นหลอดละประมาณ 170 บาท ในขณะที่ชนิดที่เป็นยาชื่อสามัญ ที่ผลิตโดยผู้ผลิตในเมืองไทยนั้น ราคาขวดละ 25 บาทเท่านั้น การที่ผู้บริโภคหันมาใช้ยาชื่อสามัญ ก็จะเป็นการควบคุมพฤติกรรมของบริษัทผู้ผลิตยาต้นตำหรับเหล่านี้ได้ในระดับหนึ่ง