เศรษฐกิจไทยภายใต้ร่มเงาประชาธิปัตย์

<p>หลายปีผ่านมาแล้วที่พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้เป็นรัฐบาลและมีโอกาสบริหารงานเศรษฐกิจไทย และยิ่งนานเข้าไปใหญ่ที่การเข้ามาจัดตั้งรัฐบาลนั้นเป็นผลมาจากการชนะการเลือกตั้งและเป็นพรรคที่มีเสียงมากที่สุดในสภาฯ ดังนั้นคงจะปฏิเสธลำบากกับข้อกล่าวหาว่าประชาธิปัตย์เป็นพรรคที่จะมีโอกาสได้ก็ต่อเมื่อฝ่ายอื่นพลาดพลั้ง หรือฉวยโอกาสอาศัยปัจจัยภายนอกรัฐสภามาเกื้อหนุน </p>
<p> ครั้งสุดท้ายที่พรรคนี้บริหารประเทศก็ต้องจบลงด้วยความนิยมที่ตกตํ่าอย่างหนักจากนโยบายเศรษฐกิจที่ถูกมองว่าเอาใจนายทุนและคนมีฐานะในเมืองโดยไม่แยแสต่อความทุกข์ของคนจนที่มีจำนวนมหาศาลในบ้านเรา หรือมัวแต่ขยันปฏิบัติตามคำบัญชาของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอ เอ็ม เอฟ) ที่เอื้อประโยชน์แก่เหล่าทุนข้ามชาติ ขณะที่กลุ่มธุรกิจรายย่อยในประเทศต้องล้มหายตายจากไปเป็นจำนวนมาก จนได้ชื่อว่าเป็น ?เด็กดี? ของคุณพ่อไอเอ็มเอฟ ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมคนจนและคนชนบทส่วนใหญ่จึงได้ภักดีกับกลุ่มการเมืองของอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร ที่ทำให้พี่น้องเหล่านี้รู้สึกว่าถูก ?เห็นหัว? เป็นครั้งแรกจากผู้มีอำนาจในกรุงเทพฯ </p>
<p> มากกว่าสิบปีผ่านไป พรรคประชาธิปัตย์กลับมาอีกครั้งภายใต้เงาทมึนของวิกฤติเศรษฐกิจเช่นเดิม จึงน่าจับตามองเป็นอย่างยิ่งว่า หลังจากมีเวลาทบทวบและเรียนรู้ความผิดผลาดของตนเองและคนอื่นอยู่นาน กลับมาคราวนี้นายกรัฐมนตรีจากพรรคประชาธิปัตย์จะกล้าคิด กล้านำ และกล้าปฏิบัติ แตกต่างต่างไปจากจากแนวทาง ?ขุนนาง? ที่คุ้นชินหรือไม่ </p>
<p> การจะชี้ว่านักการเมืองคนไหนเป็นคนรุ่นใหม่หรือไม่ คงจะวัดกันที่อายุไม่ได้ หากคุณอภิสิทธิ์ยังจะใช้นโยบายการจัดการปัญหาเศรษฐกิจโดยมุ่งไปที่ส่วนบน ไม่ได้เอาสวัสดิการและความมั่นคงในชีวิตของแรงงานและเกษตรกรรายย่อยเป็นตัวตั้ง และยังอุดหนุนกลุ่มทุนขนาดใหญ่ทั้งข้ามชาติและในประเทศเองเหมือนในยุคไอเอ็มเอฟ จะไม่เพียงทำลายโอกาสทางการเมืองของตัวเองเท่านั้น หากยังเป็นการทำร้ายคนส่วนใหญ่ของชาติอีกด้วย </p>
<p> แม้ว่าอายุรัฐบาลนี้อาจจะสั้นและคงไม่ได้มีเสถียรภาพที่มั่นคงนัก แต่ไม่ได้หมายความว่าพรรคประชาธิปัตย์จะไม่สามารถสร้างความแตกต่างได้ถ้าตั้งใจ แนวทางที่นายบารัคโอบามา ว่าที่ผู้นำสหรัฐฯ ประกาศออกมานั้นมีความน่าสนใจอยู่มาก เนื่องจากเน้นการสร้างงานในท้องถิ่นโดยที่รัฐเข้าไปลงทุนปรับปรุงและขยายสาธารณูปโภคพื้นฐาน ซึ่งนอกจากจะเป็นการเพิ่มกำลังซื้อในระดับฐานรากในระยะสั้นแล้ว ยังเป็นการสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจในอนาคตให้กับคนในระดับกลางและล่างมากขึ้นจากโครงสร้างพื้นฐานที่ดีขึ้นด้วย นอกจากนี้ ยังจะลงทุนพัฒนาพลังงานทางเลือกที่มีความสะอาดและระบบสาธารณสุขให้ผู้มีรายได้น้อยเข้าถึงได้มากขึ้นอีกด้วย ตัวอย่างมาตราการเหล่านี้ดูมีความสมเหตุสมผล และก็น่าเป็นสิ่งที่รัฐควรจะทำอยู่แล้ว </p>
<p> เช่นนั้น หากนายกฯอภิสิทธิ์ ขาดความเป็นผู้นำ พูดภาษาที่คนจนฟังไม่รู้เรื่องและมีนโยบายที่มองคนจนเป็นเพียงเบี้ยทางการเมือง ก็คงไม่อาจปฏิเสธกับหายนะทั้งทางเศรษฐกิจและการเมืองที่จะตามมาได้ </p>
<p> ห้วงเวลาแห่งวิกฤตินั้น ในทางการเมืองสามารถสร้างเป็นโอกาสได้เพียงชั่วกระพริบตา ครั้งนี้จึงเป็นบทพิสูจน์สำคัญอีกครั้งของคนที่ชื่ออภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และสถาบันทางการเมืองอย่างพรรคประชาธิปัตย์ ว่าหลังจากเปลี่ยนวิกฤติทางการเมืองมาเป็นโอกาสของตนแล้ว จะพร้อมเปลี่ยนวิกฤติเศรษฐกิจให้เป็นโอกาสที่คนจนจะได้รับความเท่าเทียมมากขึ้นได้หรือไม่ หรือจะทำได้เพียงสำเนานโยบายของกลุ่มการเมืองในขั้วตรงข้ามที่เห็นหัวประชาชนก็เพียงในภาพลวงตาที่สร้างขึ้นเท่านั้น</p>