
เอกชนมั่นใจรัฐบาลชุดใหม่มีความต่อเนื่องด้านนโยบายเศรษฐกิจ
ประธานหอการค้าไทยมั่นใจว่าหลังการเลือกตั้ง รัฐบาลจะผลักดันนโยบายต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง พร้อมเสนอรัฐบาลใหม่เร่งปฏิรูประบบราชการและสร้างความมั่นใจในการลงทุน พร้อมกับกระตุ้นเศรษฐกิจในทุกด้าน ด้านผู้ส่งออกข้าวเตรียมเสนอปัญหาส่งออกข้าวให้รัฐบาลชุดใหม่ เพราะปัจจุบันราคาข้าวส่งออกของไทยสูงกว่าประเทศคู่แข่ง ทำให้ส่งออกข้าวได้น้อยลง
นายอาชว์ เตาลานนท์ ประธานหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการที่คาดว่าพรรคไทยรักไทยจะกลับมาบริหารประเทศในอีก 4 ปีข้างหน้าว่า ภาคเอกชนเห็นว่ารัฐบาลจะดำเนินนโยบายอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการเจรจาภายใต้เขตการค้าเสรี (เอฟทีเอ) กับประเทศต่าง ๆ การพัฒนาให้ไทยเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจในภูมิภาค การพัฒนาโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค รวมถึงนโยบายด้านต่าง ๆ เพราะนโยบายเหล่านี้ประชาชนมีความเข้าใจและเห็นว่าควรต้องมีการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้ประชาชนเกิดความเข้าใจในนโยบายต่าง ๆ ให้มากขึ้น พร้อมทั้งรัฐบาลควรทำในสิ่งใหม่ ๆ และที่ยังเป็นปัญหาอยู่คือการปฏิรูประบบราชการ ซึ่งยังเห็นว่าในช่วง 4 ปีที่ผ่านมายังไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร แต่ก็ยอมรับว่าจากการบริหารงานในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา สิ่งที่เห็นได้ชัดคือภาพรวมเศรษฐกิจไทยมีการขับเคลื่อนไปในทางที่ดี ซึ่งภาคเอกชนโดยเฉพาะอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) มีการพัฒนามากขึ้นด้วยการเร่งหาตลาด ขยายตลาด เพิ่มความรู้ใหม่ ๆ ให้กับกลุ่มภาคอุตสาหกรรมของไทย
สำหรับเศรษฐกิจในปี 2548 ภาคเอกชนยังเห็นว่ายังจะมีอัตราการเติบโตอยู่ แต่อาจจะชะลอตัวไปบ้าง เนื่องจากผลกระทบเกี่ยวกับสถานการณ์ราคาน้ำมัน อัตราดอกเบี้ย แต่เชื่อว่าภายหลังจากที่มีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ขึ้นมา สิ่งเหล่านี้รัฐบาลจะต้องเร่งสร้างความมั่นใจเพื่อให้เกิดการลงทุนอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งมีการกระตุ้นเศรษฐกิจทุกด้าน ซึ่งในปีนี้คิดว่าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจน่าจะอยู่ที่ร้อยละ 5.5-6.5 หากรัฐบาลมีการจัดตั้งรัฐบาล โดยมีทีมเศรษฐกิจที่ดี ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีที่พรรคไทยรักไทยมีนโยบายดำเนินการเป็นทีมไม่เน้นตัวบุคคล ดังนั้น ไม่ว่าใครจะมาเป็นรัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจก็เชื่อว่าน่าจะสามารถบริหารงานได้ แต่ขอให้นายกรัฐมนตรีคัดคนดีขยันทำงานเพื่อมาบริหารบ้านเมืองโดยเฉพาะเศรษฐกิจให้ดีขึ้น
นายวิชัย ศรีประเสริฐ นายกสมาคมผู้ส่งข้าวออกไปต่างประเทศ กล่าวว่า จากการเลือกตั้ง ส.ส. แสดงว่าประชาชนส่วนใหญ่ต้องการให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กลับมาบริหารประเทศ แต่เมื่อนายกรัฐมนตรีมีการฟอร์มทีมจัดตั้งรัฐบาลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในส่วนของผู้ส่งออกข้าวจะนำปัญหาของการส่งออกข้าวไปตลาดต่างประเทศให้นายกรัฐมนตรีได้พิจารณา ซึ่งที่ผ่านมาเห็นว่าการใช้นโยบายผลักดันให้ราคาส่งออกข้าวในตลาดต่างประเทศสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องอาจจะเป็นการผิดในเรื่องกลไกตลาด เนื่องจากเมื่อราคาข้าวสูงขึ้นมาก ประเทศที่ต้องการข้าวจากไทยไม่สามารถที่จะสู้ราคาข้าวของไทยได้ จึงหันไปสั่งซื้อข้าวจากประเทศเพื่อนบ้านแทน แม้ว่าข้าวไทยจะเป็นที่ยอมรับในตลาดโลก แต่การกำหนดราคาข้าวส่งออกสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจะทำให้ผู้ส่งออกข้าวทำตลาดหรือส่งออกข้าวได้น้อยลง ซึ่งจะเห็นได้ชัดในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมาปริมาณการส่งออกข้าวลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยก่อนหน้านี้ส่งออกได้กว่า 1 ล้านตันต่อเดือน แต่ขณะนี้ลดลงเหลือ 700,000-800,000 ตันต่อเดือน ซึ่งรัฐบาลทำลายกลไกตลาดในช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากราคาข้าวสูงขึ้น แม้ในส่วนของเอกชนเห็นด้วยที่จะทำให้เกษตรกรมีรายได้จากการขายข้าวได้ราคาดี ดังนั้น รัฐบาลชุดใหม่จะต้องพิจารณาไม่ทำให้ระบบกลไกตลาดบิดเบือนมากเกินไป
ส่วนตัวบุคคลที่จะเป็นรัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจ นายวิชัย กล่าวว่า ในส่วนของภาคเอกชน เชื่อว่านายกรัฐมนตรีจะมีวิจารณญาณที่ดีในการสรรหาบุคคลที่มีความเหมาะสมมาทำงานในตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจ แต่โดยรวมเห็นว่าการทำงานของพรรคไทยรักไทยที่ผ่านมาสามารถสร้างความเข้มแข็งให้เศรษฐกิจได้ดีอย่างต่อเนื่อง
6 กุมภาพันธ์ 2548