นายสมชัย สัจจพงษ์ โฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในการหารือเรื่องการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ หรือเมกะโปรเจ็คต์ ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานเมื่อวันที่ 11 ก.พ.ที่ผ่านมา นายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล ปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะกรรมการการลงทุนของรัฐ รายงานกรอบแนวทางการบริหารจัดการด้านการเงินเพื่อลงทุนเมกะโปรเจ็คต์ ซึ่งมีมูลค่า 2.3 ล้านล้านบาท โดยชี้แจงว่าการลงทุนดังกล่าวจะทำให้ประเทศขาดดุลบัญชีเดินสะพัดในปี 2551 แต่เป็นการขาดดุลเพื่อพัฒนาประเทศไม่ได้ทำให้ประเทศเสียหายแต่อย่างใด และหากสามารถระดมเงินออมในประเทศได้เพียงพอจะทำให้การขาดดุลดังกล่าวลดลง
นอกจากนี้ นายศุภรัตน์ยังได้ยืนยันว่าแนวทางการบริหารจัดการด้านการเงิน เพื่อนำไปลงทุนในเมกะโปรเจ็คต์จะอยู่บนพื้นฐานของกรอบความยั่งยืนทางด้านการคลัง คือจะมีสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อผลผลิตมวลรวมในประเทศ(จีดีพี) ไม่เกิน 50% มีภาระหนี้ต่องบประมาณไม่เกิน 50% และที่สำคัญงบลงทุนในแต่ละปีงบประมาณจะมีมากกว่า 25% โดยแนวทางการจัดการด้านการเงินจะมาจาก 4 แนวทาง คือการใช้เงินลงทุนจากงบประมาณ การใช้เงินจากรัฐวิสาหกิจ การกู้เงิน และการจัดหานวัตกรรมทางการเงินใหม่ๆ ที่มีภาคเอกชนเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งแนวทางหลักจะใช้เงินงบประมาณให้น้อยที่สุด