อรอุมา ศรีสมัย
<p>นายอุทัย สอนหลักทรัพย์ ประธานสภาการยางแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า กรณีที่นายยุคล ลิ้มแหลมทอง รักษาการรองนายกรัฐมนตรี และรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวอ้างถึงที่ประชุมบอร์ด องค์การสวนยาง( อสย.)ได้เร่งแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารกิจการ อสย.เพื่อบริหารจัดการยางในสต็อกให้มีประสิทธิภาพและไม่เป็นภาระกับงบประมาณรัฐบาล โดยเตรียมเทขายยางในสต็อกกว่า 2แสนตันนั้นจะกระทบต่อเกษตรกรชาวสวนยางอย่างรุนแรง ทั้งนี้จากการประชุมร่วมกับตัวแทนสมาพันธ์ชาวสวนยางแห่งประเทศไทยและตัวแทนเครือข่ายชาวสวนยางทุกจังหวัดทั่วประเทศ ทุกคนมีมติไม่เห็นด้วยกับการนำยางในสต็อกออกมาขายเพราะจะเป็นการซ้ำเติมเกษตรกร ยิ่งทำให้ราคายางดิ่งลงเหวหนักไปอีก รัฐบาลควรระงับโครงการการขายยางไว้ก่อนจนกว่าราคายางจะดีขึ้น โดยทางสมาพันธ์ชาวสวนยางแห่งประเทศไทยเตรียมยื่นหนังสือถึง ปปช.และ สตง.เร่งตรวจสอบอย่างเร่งด่วน เพราะส่อเค้าไม่โปร่งใส มีวาระซ่อนเร้นแอบแฝง<br />
นายอุทัย กล่าวด้วยว่า ราคายางที่ขายต้องขายในราคาที่ต่ำกว่าต้นทุน เท่ากับยิ่งดั๊มราคาลงไปอีก ทั้งที่ยางน่าจะมีมูลค่ามากกว่านี้ และยังสวนทางกับนโยบายรัฐบาลในช่วงเวลาเดียวกันในช่วงปีที่ผ่านมา สมัยที่นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตร ฯในขณะนั้น ที่มีโครงการเข้าแทรกแซงราคายางที่กิโลกรัมละ 120บาท หากรัฐบาลเทขายยางในสต๊อกครั้งนี้จะซ้ำเติมชาวสวนยางอย่างหนักเพราะในความจริงแล้วชาวสวนยางเริ่มกรีดยางออกมาตั้งแต่กลางเดือนเม.ย.แล้ว</p>
<p>-อย่างไรก็ตาม ขอให้รัฐบาล ทบทวนในเรื่องดังกล่าวให้รอบคอบและรัดกุมยิ่งขึ้น เพราะการที่นำยางในสต็อกออกขายในขณะนี้จะขาดทุนทันทีเนื่องจากขายในราคาถูกไม่เกินกิโลกรัมละ 40-50บาท เพราะจะมีการหักเปอร์เซนต์เชื้อรา รูปทรง (มิสเชส) เชื่อได้ว่าขายหมดสต็อกคิดเป็นมูลค่าไม่เกิน 10,000ล้านบาทแน่นอน ในขณะที่ต้นทุนที่ได้จากการแทรกแซงราคายางเมื่อปีที่ผ่านมา อยู่ที่กิโลกรัมละ120บาท คิดเป็นมูลค่า 22,000ล้านบาท บวกกับค่าบริหารจัดการจนถึงวันนี้ ทั้งค่ารมควัน, อัดก้อน, เช่าโกดัง รวมถึงค่าประกันภัยอีกมูลค่า 10,000ล้านบาท รวมทั้งสิ้น 32,000ล้านบาท</p>
<p>-สำหรับในส่วนของความต้องการใช้ยางของประเทศจีนมีมากถึงเดือนละ 3แสนกว่าตัน โกดังยางที่ชิงเต่าของไทยน่าจะถูกระบายออกขายได้ก่อนแทนที่จะนำยางไทยในสต็อกไปขายเพราะขณะนี้เป็นช่วงราคายางขาลง จึงไม่สมเหตุสมผลกับการกล่าวอ้างของรัฐบาล"ดูเหมือน เป็นความจริงที่โกหก เป็นเรื่องไม่ปกติที่รัฐบาลจะเอายางในสต็อกออกมาขาย ผมว่า รัฐบาลกำลังจะหมดอำนาจ เลยถือโอกาสขายยาง จากการที่เคยเข้าแทรกแซงพยุงราคาในช่วงนี้กลับเทออกมาขาย เป็นการเขียนด้วยมือแล้วลบด้วยเท้า จากการประชุมสัมมนายางที่ จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่ 30เม.ย 57ที่ผ่านมา ผอ.อสย.เข้าร่วมประชุมด้วย สรุปหารือแล้วว่าไม่ควรขายเพราะจะเป็นการซ้ำเติมยางให้ราคาดิ่งลง ซึ่งน่าจะได้นำมาทบทวนพิจารณาอย่างรอบด้าน แต่เวลาห่างกันเพียงข้ามคืน กลับมาแต่งตั้งคณะทำงานเพื่อพิจารณาขายยางในสต๊อกอย่างเร่งด่วน หากรอจังหวะเวลาไปสักระยะให้ได้ราคาจะดูสมเหตุสมผลกว่า หรือว่าการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องถึงต้องรอไม่ได้" นายอุทัย กล่าว</p>
<p>-นายอุทัย ยังกล่าวอีกว่า หากรัฐบาลมีความจริงใจต้องการช่วยเหลือชาวสวนยางจริงควรนำยางในสต็อก2.1แสนตันนี้ประกาศออกนอกระบบ การซื้อขายยางจะไม่สร้างความหวั่นไหวต่อเสถียรภาพราคายางในประเทศ ด้วยการส่งเสริมการใช้ยางในประเทศ เช่น นำไปทำถนนลาดยางแทนยางมะตอย, การสร้างเขื่อนยางเพื่อกักเก็บน้ำ และ ทำอิฐตัวหนอนปูทางหรือใช้ในสนามเด็กเล่น และอื่นๆ</p>
<p>นอกจากนี้รัฐบาลเองยังต้องเตรียมความพร้อมทำแผนยุทธศาสตร์ในการขับเคลื่อนยางพาราของประเทศไทยและในขตภูมิภาคอาเซียนเพื่อรอรับการเปิดเขตการค้าเสรี หรือ AEC ในปี58 ทั้งในเรื่องกฏหมาย รวมทั้งข้อกำหนด กฏเกณฑ์ต่างๆ การเพิ่มมูลค่า การแปรรูป การขนส่งเข้า-ออกระหว่างประเทศ การลดต้นทุนการผลิต การพัฒนาพันธุ์ยาง ซึ่งทางตัวแทนชาวสวนยางพร้อมที่จะนำยุทธศาสตร์ยางทั้งต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ เพื่อนำเสนอรัฐบาลและผู้เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมแกไขปัญหายางอย่างจริงจังและจริงใจไร้ซึ่งอำนาจการเมืองเข้ามาแทรกแซงแฝงประโยชน์อย่างที่เป็นอยู่