
ผลกระทบการเมือง ฉุดยอดขอบีโอไอปีนี้หลุดเป้า เหลือ 7 แสนล้าน จาก 9 แสนล้าน เพราะจัดทำงบปี 58 ล่าช้า โชคดีมูลค่าลงทุนเพิ่มขึ้นกว่า 30% เหตุนักลงทุนต่างชาติยังเชื่อมั่นไทย แห่ขอส่งเสริมฯ ชิ้นส่วนยานยนต์.
เมื่อวันที่ 7 พ.ค. 57 นายอุดม วงศ์วิวัฒน์ไชย เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กล่าวว่า ในปีนี้ยอดการขอรับการส่งเสริมการลงทุนจะอยู่ที่ระดับ 7 แสนล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้ที่ 9 แสนล้านบาท โดยในปีหน้า คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะได้รับผลกระทบจากวิกฤติการเมืองอย่างชัดเจน เพราะหน่วยงานเศรษฐกิจบางแห่งออกมายอมรับว่า การจัดทำงบประมาณปี 2558 จะล่าช้าไป 6 เดือน เท่ากับว่าการลงทุนใหม่ๆ ของภาครัฐจะกระทบไปด้วย นอกจากนี้ ยังมาจากโครงการลงทุน 2 ล้านล้านบาทที่หยุดชะงัก ดังนั้น ในส่วนของบีโอไอ คาดว่าตัวเลขขอส่งเสริมอาจใกล้เคียง หรือลดจากปีนี้
นอกจากนี้ อาจพิจารณาเลื่อนเวลาการใช้มาตรการส่งเสริมการลงทุนฉบับใหม่ออกไป จากเดิมกำหนดใช้ต้นปี 2558 และยืดเวลามาตรการส่งเสริมการลงทุนฉบับปัจจุบันออกไปก่อน เพราะสถานการณ์ปัจจุบันยัง ไม่เหมาะที่จะนำมาตรการส่งเสริมฯ ใหม่มาใช้ และจะต้องรอให้รัฐบาลใหม่พิจารณา โดยมาตรการส่งเสริมการลงทุนฉบับใหม่ จะส่งเสริมฯ เฉพาะอุตสาหกรรมที่เน้นการวิจัย พัฒนา และใช้เทคโนโลยีชั้นสูง
สำหรับยอดการขอรับการส่งเสริมฯ ตั้งแต่เดือน ม.ค.-มี.ค. 2557 มียอดคำขอ 2.27 แสนล้านบาท ลดลงเล็กน้อยจากช่วงเดียวกันของปี 2556 ที่ 2.6 แสนล้านบาท ซึ่งหากนับจำนวนโครงการในไตรมาสแรก ลดลงประมาณ 50% มีจำนวน 290 โครงการ ลดลงจากปีก่อนที่มีจำนวน 564 โครงการ แต่ถ้าคิดเป็นจำนวนเงินจะลดลงเพียง 13% เนื่องจากมีการลงทุนขนาดใหญ่เข้ามา ซึ่งสะท้อนว่า ความเชื่อมั่นของนักลงทุนไม่ได้ลดลงมากอย่างที่หลายฝ่ายคาดไว้
ทั้งนี้ ถ้ามองเฉพาะตัวเลขการลงทุนทางตรงจากต่างชาติ มีมูลค่า 2.01 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นเกือบ 30% สะท้อนให้เห็นว่า นักลงทุนต่างชาติยังคงเชื่อมั่นในไทย เนื่องจากไทยมีจุดเด่นในเรื่องความชัดเจนของนโยบายส่งเสริมการลงทุน มีข้อกำหนดการให้สิทธิประโยชน์ชัดเจน ทำให้นักลงทุนประมาณการความคุ้มค่าการลงทุน และรายได้ผลกำไรอย่างเด่นชัด
ส่วนอุตสาหกรรมหลักที่คาดว่าจะเข้ามามากในปี 2558 จะยังคงเป็นอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ อุตสาหกรรมการเกษตร อุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์ และอุตสาหกรรมบริการ โดยเฉพาะการท่องเที่ยว และการขนส่ง โดยมองว่าในภาวะที่เศรษฐกิจไทยหดตัว เป็นช่วงที่น่าลงทุนมากที่สุด เพราะมั่นใจว่าความวุ่นวายทางการเมืองคงจะสิ้นสุดภายในปีนี้ และเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวอย่างรวดเร็วภายใน 1-2 ปี เพราะว่าพื้นฐานยังคงแข็งแกร่ง ซึ่งหากโรงงานเร่งลงทุนในช่วงนี้ จะเสร็จทันพร้อมรับกับเศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัว