คลังจ่อเก็บภาษีมรดกที่10% มีน้อยกว่า50ล้านบ.ไม่ต้องจ่าย

มีรายงานข่าวจาก กรมสรรพากร กระทรวงการคลัง แจ้งว่า กรมสรรพากร เสนอให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) พิจารณาเกี่ยวกับการจัดเก็บภาษีมรดกแล้ว โดยจัดเก็บที่10% ล่าสุดกำลังอยู่ในการพิจารณาของคณะกรรมกฤษฎีกา โดยเป็นการเก็บจากกองมรดกและมีข้อยกเว้นสำหรับผู้ที่มีมรดกที่ไม่ถึง 50 ล้านบาท ก็ไม่ต้องเสียภาษี คาดว่าการพิจารณาของกฤษฎีกาน่าจะแล้วเสร็จและเสนอต่อคณะรัฐมนตรี(ครม.)ได้โดยเร็ว คาดว่ากฎหมายจะสามารถบังคับใช้กฎหมายได้ในช่วงปี 2558 เพราะต้องเร่งทำก่อนที่ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) จะหมดอายุลง เนื่องจากที่ผ่านมากฎหมายนี้ผลักดันมากว่า 20 ปี แต่ยังไม่เคยสำเร็จเลยสักครั้งหากไม่เร่งดำเนินการในช่วงรัฐบาล คสช. คงยากที่จะผลักดันอีกครั้ง

ส่วนกระแสข่าวที่รายงานว่า กรมสรรพากร เสนอให้จัดเก็บภาษีมรดกนั้นอัตรา 5-30% เป็นผลการศึกษาเก่าที่เก็บแบบขั้นบันใด

นายประสงค์พูนธเนศ อธิบดีกรมสรรพากร ชี้แจงว่า การเก็บภาษีมรดกนั้น ขณะนี้ยังไม่ได้สรุปว่าจะอยู่ในอัตรา 5-30% ตามที่เป็นข่าวหรือไม่ โดยยังอยู่ในขั้นตอนของการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา หลังจากนั้น จะเสนอไปยังครม. ชุดใหม่ และเสนอไปยังสนช. เพื่อออกเป็นกฎหมายบังคับใช้ได้โดยเร็ว เนื่องจากได้ผ่านการพิจารณาของคสช.มาแล้ว

ทั้งนี้การเก็บภาษีดังกล่าว พล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชา หัวหน้า คสช.ได้กำชับมาว่าต้องดูแลไม่ให้กระทบต่อคนจน และต้องไม่มีผลกระทบต่อการออมเงิน เพราะมีข้อกังวลว่าหากไปเก็บภาษีดังกล่าวอาจทำให้คนไทยไม่ออมเงินเพราะกลัวการเสียภาษี

“อัตราที่จะเก็บนั้นคงไม่ใช่ 30% ส่วนจะเป็นเท่าใดนั้นคงต้องรอให้ผ่านกระบวนการต่างๆ ก่อน ขณะนี้ทางกฤษฎีกายังมีความเห็นขัดแย้งกับที่กรมเสนอไปในกรณีว่าควรจะเก็บจากผู้รับ แต่มีความเห็นว่าน่าจะเก็บจากองมรดกซึ่งคงต้องหาข้อสรุปอีกครั้ง” นายประสงค์ กล่าว

ทั้งนี้ในการนำกฎหมายนี้มาใช้มีข้อพิจารณาใน 3 เรื่อง คือ 1.วิธีการเก็บจากไหน จากกองมรดกหรือจากผู้ที่ได้รับมรดก 2.อัตราควรเป็นเท่าใด และ3.กลุ่มที่ต้องดูแลเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบ

“ยกตัวอย่างกลุ่มผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ที่ตั้งโรงงานมาหลายสิบปี พอมาถึงลูกหลานโรงงานดังกล่าวมีมูลค่าเพิ่มมากต้องมาเสียภาษีมรดกแม้จะเป็นจำนวนเงินไม่มาก แต่อาจเกิดผลกระทบ ต้องมีการดูแลในกลุ่มนี้ด้วย” นายประสงค์ กล่าว

แหล่งข่าว: 
แนวหน้า

เนื้อหาข่าวเป็นการรวบรวมเพื่อการศึกษาวิจัยเท่านั้น อันเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ มิได้นำไปเพื่อการค้าแต่อย่างใด