ทั้งๆ ที่ร่วมเป่า "นกหวีด" มาด้วยกันตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2556 จนถึงเดือนพฤษภาคม 2557 เหตุใด "รสนา" กับ "ปิยสวัสดิ์" จึงอยู่ในสภาพ
ร้องเพลงกันคนละ "คีย์"
ทันทีที่ คสช.ตัดสินใจเลือก นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ ให้เข้ามาอยู่ในสถานะกรรมการ ปตท. พันธมิตรเดิมที่เคยประสานกันเคลื่อนไหว
ก็ถึงครา "แยกวง"
ถามว่า น.ส.รสนา โตสิตระกูล สำเหนียกรู้หรือไม่ว่ากระบวนการ "ปฏิรูป" พลังงานระหว่างตนกับนายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ มีความแตกต่างกัน
ตอบได้เลยว่า รู้
ถามว่า รู้ทั้งรู้ว่าไม่เพียงแต่จะต่างจาก นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ หากรู้ด้วยว่าต่างจาก นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ต่างจากพรรคประชาธิปัตย์ แต่ก็เข้าร่วมเพราะมีเป้าหมายใหญ่เดียวกัน
นั่นก็คือ โค่นรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
รัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 ของ คสช.ย่อมทำให้เกิดความสมหวัง ไม่ว่าจะเป็นของ กปปส. ไม่ว่าจะเป็นของ น.ส.รสนา โตสิตระกูล ไม่ว่าจะเป็นของพรรคประชาธิปัตย์
เพราะโค่นรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้สำเร็จ
ความสำเร็จจากรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 ทำให้ไม่เพียงแต่การขับเคลื่อน "ปฏิรูปพลังงาน" ดำเนินไปด้วยความคึกคักยิ่งขึ้น
ยังทำให้ นายวีระ สมความคิด พ้นจากคุกในกัมพูชา
แต่แล้วการตัดสินใจของ คสช.ในการเลือกนายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ ย่อมเท่ากับเป็นการดับฝัน น.ส.รสนา โตสิตระกูล และเครือข่าย "ทวงคืน ปตท." โดยองค์รวม
ยิ่งกรรมการสรรหา สปช.มีชื่อ นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ยิ่งเจ็บปวด
การขับเคลื่อนของ "เครือข่ายขาหุ้น ปฏิรูปพลังงาน" ที่นำโดย นายประสิทธิ์ นวลน้อย และ นพ.สุภัทรา ฮาสุวรรณกิจ จึงเกิดขึ้นที่สงขลา
และก็ถูก "เบรก" โดย "ทหาร"
การขับเคลื่อนของ "เครือข่ายปฏิรูปพลังงาน" โดย นายอิฐบูรณ์ อ้นวงษา และ น.ส.บุญยืน ศิริธรรม จึงเริ่มขึ้นโดยนายวีระ สมความคิด เข้าร่วมด้วย
และก็ถูก "คุม" ตัวไปยัง "สโมสร ทบ."
น่าสังเกตว่าพรรคประชาธิปัตย์สงบนิ่งอยู่ในที่ตั้ง ไม่ขยับขับเคลื่อนใดๆ ทั้งสิ้น
ไม่ว่าที่สงขลา ไม่ว่าที่ กทม. เพราะว่าการได้ นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ เข้าไปอยู่ในบอร์ด ปตท.ถือว่าสมหวังแล้ว
เหลือก็แต่ น.ส.รสนา โตสิตระกูล เท่านั้นที่ยังเคว้งคว้าง
สถานการณ์รัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 เมื่อประสานกับสถานการณ์การแต่งตั้งให้นายปิยสวัสดิ์
อัมระนันทน์ เป็นบอร์ด ปตท.
เป็น "เส้นแบ่ง" อันแจ่มชัดในทางการเมือง
ที่ว่ากระบวนการพลังงานถูกกำกับและควบคุมโดยสิ่งที่เรียกว่า "ระบอบทักษิณ" เสมอเป็นเพียงน้ำยาบ้วนปาก
เพราะโครงสร้างเป็นเช่นนี้มานานและได้รับการปกป้องมาโดยตลอด
แม้ในห้วงที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี ก็เคยมอบหมายให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ไปปฏิบัติการลับเกี่ยวกับพลังงานมาแล้ว
ข้อมูลนี้ใช่ว่า น.ส.รสนา โตสิตระกูล ไม่เคยรับรู้
ข้อมูลนี้ใช่ว่า นายวีระ สมความคิด ซึ่งพยายามลากโยง "เขาพระวิหาร" ให้สัมพันธ์กับแหล่งพลังงานในทะเล ไม่เคยรับรู้
แท้จริงแล้ว พวกเขาหายใจร่วม "รูจมูก"เดียวกัน
การปฏิรูปพลังงานตามแนวของ น.ส.รสนา โตสิตระกูล จึงไม่เป็นที่ต้องการ แนวทางของนายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ และของพรรคประชาธิปัตย์ต่างหากที่เป็นที่ต้องการ และประสานสอดรับกับแนวทางของ คสช.
ยังเป็น "ทุนพลังงาน" เจ้าเก่า ไม่เคยแปรเปลี่ยน
จากนี้จึงค่อยๆ ประจักษ์ ในความเป็นจริงของพลังงาน อันคลี่คลายในท่ามกลางการเคลื่อนไหวต่อสู้
สิ่งที่เรียกว่า "ระบอบทักษิณ" เสมอเป็นเพียงวาทกรรม โดยเฉพาะการโจมตีในกรอบแห่งพลังงาน การโจมตี ขุดคุ้ย เปิดโปง ในกรอบแห่ง ปตท.
เมื่อเสร็จกิจบทบาทของ น.ส.รสนา โตสิตระกูล ก็ไม่มีความหมาย
ที่มา:มติชนรายวัน 26 สิงหาคม 2557