ชลัท ประเทืองรัตนา นักวิชาการ ร้อง ไทยต้องมีกฎหมายชุมนุมสาธารณะ ชี้ป้องเสรีภาพผู้ชุมนุม-บุคคลอื่น ลั่นไม่ควรจำกัดแค่ชุมนุมการเมืองเท่านั้น แนะประชาชนที่เข้าร่วมไม่ควรมีบทลงโทษ
วันที่ 29 ก.ย. ที่ห้องประชุมวายุภักษ์ โรงแรมเซ็นทรา ศูนย์ราชการและคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ แจ้งวัฒนะ สถาบันพระปกเกล้า จัดสัมมนา ครั้งที่ 4 การปฏิรูปประเทศไทย : ดุลยภาพที่เหมาะสมของสถาบันการเมืองกับการเมืองภาคพลเมือง ภายใต้โครงการสัมมนา สู่ทศวรรษที่เก้า : ก้าวใหม่ของระบอบประชาธิปไตยไทย
ทั้งนี้นายชลัท ประเทืองรัตนา นักวิชาการผู้ชำนาญการ สำนักสันติวิธีและธรรมาภิบาล กล่าวในหัวข้อ “กลไกและกระบวนการในการใช้อำนาจของภาพลเมือง และการเสริมสร้างพลังพลเมืองในระบอบประชาธิปไตย” ว่า การชุมนุมที่สาธารณะในประเทศไทยยังไม่ได้มีกฎหมายเกี่ยวกับการชุมนุมในที่สาธารณะเป็นการเจาะจง โดยประเทศไทยมีการชุมนุมคล้ายกับสหรัฐอเมริกา หากมีการชุมนุมที่เกินขอบเขตก็ให้ศาลตีความ แต่ของไทยไม่มีกฎหมายเฉพาะก็จะใช้กฎหมายอื่นดูแล เช่น พระราชบัญญัติทางหลวง พระราชบัญญัติรักษาความสะอาด ทำให้เกิดข้อจำกัดการชุมนุมในที่สาธารณะ อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยควรมีกฎหมายการชุมนุมในที่สาธารณะเพื่อประกันเสรีภาพให้กับผู้มาชุมนุมและบุคคลอื่น
นายชลัท กล่าวอีกว่า รัฐบาลชุดนี้จะเจอเรื่องปัญหาราคาข้าว ราคามันสำปะหลังตกต่ำ เรื่องเงินเดือนข้าราชการ การขายสลากกินแบ่งรัฐบาล เมื่อประชาชนเดือดร้อนกับเรื่องเหล่านี้ก็จะออกมาชุมนุมกลายเป็นประเด็นสาธารณะวงกว้าง ดังนั้น ไม่ควรยึดติดว่าการชุมุนมจะเป็นเรื่องการเมืองเท่านั้น แต่เสรีภาพการชุมนุมจะต้องมี ส่วนเรื่องการห้ามชุมนุมจะต้องเป็นเรื่องรอง ขณะที่อำนาจเจ้าหน้าที่ในการสั่งห้ามการชุมนุม หากเจ้าหน้าที่ตำรวจเห็นว่าจะเกิดความไม่สงบก็ใช้อำนาจสั่งห้ามได้แต่ควรให้สิทธิในการอุทธรณ์ด้วย อีกทั้ง หากเกิดการปะทะกันของมวลชนก็ควรมีบทลงโทษเจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้จัดการชุมนุม ส่วนประชาชนที่มาชุมนุมไม่ควรมีบทลงโทษ เพราะประชาชนที่มาชุมนุมมีเจตนาบริสุทธิ์