บ่อนอกแนะใช้ที่กฟผ.ตั้งม.พ่อหลวง ชี้ถ้ารง.ไฟฟ้าไร้มลพิษ-ต้องสร้างมหาวิทยาลัยได้

เหมาะกว่า - นายวีระ ศรีวัฒนตระกูล ผวจ.ประจวบคีรีขันธ์ ไปดูเหมืองแร่เก่า ในพื้นที่ อ.ทับสะแก รวมถึงพื้นที่ของ กฟผ. ซึ่งชาวบ้านแนะนำใช้สร้างมหาวิทยาลัยพ่อหลวง แทนพื้นที่สาธารณประโยชน์คลองชายธง ที่เป็นแหล่งป่าชายเลอุดมสมบูรณ์ เมื่อ วันที่ 21 ก.ย.

ประจวบคีรีขันธ์ - จากกรณีที่มีการเสนอโครงการจัดตั้งมหาวิทยาลัยประจำจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ต่อคณะรัฐมนตรี ในการประชุม ครม.นอกสถานที่ระหว่างวันที่ 27-28 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยเสนอใช้พื้นที่สาธารณประโยชน์คลองชายธง ม.6 ต.บ่อนอก อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ เนื้อที่ 931-3-50 ไร่ เป็นที่ก่อสร้าง เตรียมเสนอต่อคณะกรรมการกำหนดโซนและจัดทำแผนการใช้ที่ดินสาธารณะ เพื่อให้ถอนสภาพและนำไปใช้ประโยชน์ ตามมาตรา 8 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน แต่กลุ่มรักท้องถิ่นบ่อนอก ออกมาเคลื่อนไหวให้ทบทวนการใช้ประโยชน์จากพื้นที่ดังกล่าว ว่ามีความเหมาะสมหรือไม่ เพราะเป็นพื้นที่ป่าชายเลนที่มีความอุดมสมบูรณ์

ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 21 ก.ย. นายสำนึก รุ่งกำจัด กำนันตำบลอ่างทอง ในฐานะประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านอำเภอทับสะแก เปิดเผยว่า ได้นำนายวีระ ศรีวัฒนตระกูล ผวจ.ประจวบคีรีขันธ์ ไปดูเหมืองแร่เก่า ในพื้นที่ ต.นาหูกวาง อ.ทับสะแก เพื่อเป็นทางเลือกในการจัดตั้งมหาวิทยาลัยพ่อหลวง

นายสำนึกกล่าวว่า ขณะนี้คนทับสะแกส่วนใหญ่เห็นด้วยที่จะให้สร้างมหาวิทยาลัยพ่อหลวง ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยในระดับปริญญาตรีแห่งแรกของจังหวัด เพราะเป็นมหาวิทยาลัยที่ตั้งขึ้นใหม่ไม่ใช่สาขา โดยขณะนี้ให้กำนันผู้ใหญ่บ้านทำประชาคมหมู่บ้านเพื่อสอบถามความเห็นชอบจากประชาชน โดยนำรายชื่อประชาชนกว่าหมื่นชื่อส่งให้ ผวจ.ประจวบคีรีขันธ์แล้ว

สำหรับการเตรียมสถานที่รองรับมีอยู่ 3 แห่งด้วยกันคือ เหมืองแร่เก่าที่หมดสัมปทาน ใน ต.นาหูกวาง กว่า 3 พันไร่ อยู่ในเขตป่าไม้ ซึ่งได้ประสานป่าไม้ไว้แล้วที่จะขอใช้ 1 พันไร่ แห่งที่สองที่หาดวนกร ต.ห้วยยาง ซึ่งมีพื้นที่กว่าหมื่นไร่ โดยจะขอใช้พื้นที่ 1 พันไร่เช่นกัน และแห่งที่สาม เป็นพื้นที่ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ที่มีอยู่ 4 พันไร่ จะขอสร้างมหาวิทยาลัย 1 พันไร่ โดยได้ให้เหตุผลกับ กฟผ.ไปแล้วว่า หากโรงไฟฟ้าไม่มีมลพิษจริง มหาวิทยาลัยจะตั้งอยู่ในพื้นที่ของ กฟผ.ได้

แหล่งข่าว: 
ข่าวสด

เนื้อหาข่าวเป็นการรวบรวมเพื่อการศึกษาวิจัยเท่านั้น อันเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ มิได้นำไปเพื่อการค้าแต่อย่างใด