งบดูแลคนชราพุ่ง 8 แสนล้าน

รมช.คลังชี้ 10 ปีข้างหน้างบประมาณรัฐดูแลคนชราพุ่งเป็น 8 แสนล้านบาท เชื่อไม่กระทบการเงินการคลัง เร่งประชาชนเข้า กอช. หวังเกิดออมหลังเกษียณ

นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รมช.คลัง เปิดเผยว่า อีก 10 ปีข้างหน้าภาระงบประมาณในการดูแลผู้เกษียณอายุและดูแลคนชราภาพของรัฐบาลจะเพิ่มขึ้นเป็น 800,000 ล้านบาท หรือ 3% ของจีดีพี จากปัจจุบันภาระงบประมาณอยู่ที่ปีละ 300,000 ล้านบาท คิดเป็นประมาณ 2% ของจีดีพี ถือเป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องเตรียมพร้อมดูแลบริหารจัดการให้ประเทศมีรายได้เพียงพอในการดูผู้เกษียนและคนชราให้เพียงพอและยั่งยืน แต่ยังเชื่อว่าภาระที่เพิ่มขึ้นจะไม่ส่งผลกระทบกับการเงินการคลังของประเทศ เพราะมูลค่าทางเศรษฐกิจก็ขยายตัวเพิ่มขึ้นตาม ซึ่งกระทรวงการคลังจะดูแลควบคุมภาระดังกล่าวให้เป็นสัดส่วนไม่เกินกี่เปอร์เซ็นต์ของจีดีพี เหมือนกับกำหนดกรอบความยั่งยืนทางการคลัง

“รัฐสามารถจ่ายภาระที่เพิ่มขึ้นได้อยู่แล้ว ซึ่งภาระที่ดูแลผ่านระบบประกันต่าง ๆ ทำให้ภาระการคลังน้อยกว่า โดยรัฐบาลจะต้องดึงประชาชนให้เข้าสู่ระบบประกันชราภาพทั้งภาคบังคับและสมัครใจให้มากที่สุด เพื่อลดภาระปลายทางของงบประมาณให้น้อยลง”

ทั้งนี้ ปัจจุบันรัฐบาลมีภาระจ่ายดูแลผู้เกษียณอายุ ทั้งระบบบำนาญข้าราชการ 2.2 ล้านคน คิดเป็นภาระงบถึง 60% การจ่ายเงินเบี้ยคนชรา 7.7 ล้านคน คิดเป็นภาระงบ 20% และภาระส่วนเหลือที่อีก 20% เป็นการจ่ายสมทบให้กองทุนประกันสังคม กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการที่มีสมาชิก 11 ล้านคน กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ที่ขณะนี้มีสมาชิก 300,000 คน คาดสิ้นปีจะเพิ่มเป็น 500,000 คน จากแรงงานนอกระบบทั้งหมด 25 ล้านคน

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ ระบบการออมหลังเกษียณของไทย ถือว่าครอบคลุมประชาชนทุกกลุ่มคนทำงาน แต่ยังมีปัญหาในส่วนของแรงงานนอกระบบ 25 ล้านคน ที่ยังเข้าเป็นสมาชิก กอช. น้อย ซึ่งรัฐบาลต้องประชาสัมพันธ์ให้แรงงานกลุ่มนี้เข้า กอช. มากขึ้น เพื่อให้มีรายได้ดำรงชีพหลังเกษียณอายุอย่างเพียงพอ โดยมองว่าจะมีผู้สูงวัยเข้ามาสมัครเป็นสมาชิกอย่างต่อเนื่อง

แหล่งข่าว: 
เดลินิวส์

เนื้อหาข่าวเป็นการรวบรวมเพื่อการศึกษาวิจัยเท่านั้น อันเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ มิได้นำไปเพื่อการค้าแต่อย่างใด