เข่าแทบทรุด! ปลากระชังน็อกน้ำตายเกลี้ยงกว่า 10 ตัน เกษตรกรขาดทุนร่วม 3-4ล้าน

ชาวบ้านเลี้ยงปลากระชังเกิดตายไม่ทราบสาเหตุ กว่า 10 ตัน เชื่อว่าออกซิเจนต่ำทำให้ “ปลาน็อกน้ำ” นำปลาตายบางส่วนทำปลาร้า ที่เหลือนำไปฝังทำลายทิ้ง ยังไม่มีเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบหาสาเหตุปลาตาย

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 29 ก.ย. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า มีปลาเลี้ยงในกระชังลำน้ำพองบริเวณบ้านเหมือดแอ่ หมู่ 7 ต.หนองตูม อ.เมือง จ.ขอนแก่น ตายแบบไม่ทราบสาเหตุจำนวนกว่า 10 ตัน จึงไปตรวจสอบพบว่า สภาพน้ำในลำน้ำพองมีน้ำเหลือน้อย กระชังปลาที่ชาวบ้านเลี้ยงไว้ในลำน้ำพองมีจำนวนมากกว่า 20 กระชัง แต่ละกระชังมี 40 หลุม แต่ละหลุมจะเลี้ยงปลานิลจำนวน 700 – 800 ตัว

ซึ่งปลานิลที่เลี้ยงไว้มีอายุประมาณ 4 – 5 เดือน ขนาดน้ำหนักปลาแต่ละตัวมีตั้งแต่ 8 ขีด ถึง 1 กิโลกรัม พบว่าปลานิลในกระชังทั้งหมดตายเป็นเบือมีจำนวนมากกว่า 10 ตัน มูลค่าประมาณ 3-4 ล้านบาท ชาวบ้านต้องช้อนปลาที่เลี้ยงในกระชังขึ้นมากองไว้บนฝั่งริมลำน้ำพอง และนำปลาที่ตายทั้งหมดมาทำเป็นปลาร้า ถ้ามีชาวบ้านบางคนต้องการก็ให้ไปทำปลาร้าได้เช่นกัน ส่วนที่เหลือทั้งหมดก็ต้องนำมาฝังและทำลายต่อไป

นายสนั่น หงษ์สี อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 108/ 1 บ้านทุ่ม หมู่ 11 ต.บ้านทุ่ม อ.เมือง จ.ขอนแก่น บอกว่า เป็นผู้เลี้ยงปลานิลในกระชังที่ลำน้ำพองบ้านเหมือดแอ่ โดยมีกระชังปลาที่รับผิดชอบมีปลานิลเลี้ยงไว้ประมาณ 1-2 ตัน ซึ่งตนเลี้ยงได้นานถึง 4 เดือน ทำให้ปลานิลสามารถจะเก็บขายให้กับบริษัทแห่งหนึ่งที่จะมารับปลานิลที่นี่

“เมื่อเช้าวันนี้ตนได้มาเห็นปลานิลที่เลี้ยงไว้ในกระชังทั้งหมดเกิดลอยขึ้นมาเหนือน้ำเพื่อหาอ๊อกซิเจนบนผิวน้ำแล้วพวกมันได้พากันตายอยู่ในกระชังทั้งหมดจะเหลือรอดเพียงน้อยนิดเท่านั้นโดยปลาจะลอยเต็มหลุมทุกหลุมรวมกระทั่งของเพื่อนบ้านที่เลี้ยงปลานิลในกระชังในลำน้ำพองด้วย ซึ่งมีมากกว่า 10 กระชัง ปลานิลที่เลี้ยงไว้ตายทั้งหมดมีมากกว่า 10 ตัน มูลค่าร่วม 3-4 ล้านบาท พวกตนจึงได้พากันเก็บปลาในกระชังเพื่อนำมาทำเป็นปลาร้าบางส่วนเท่านั้น นอกจากนั้นก็ต้องขุดดินนำไปฝังทำลายทั้งหมดเพื่อรักษาสภาพลำน้ำพองให้กลับมาอยู่ในสภาพเดิมต่อไป ถือว่าเป็นการเลี้ยงปลาที่ตายเยอะมากกว่าที่เคยเลี้ยงมา” นายสนั่นกล่าว

นายขวัญชัย ธรรมรัตน์ อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 71 บ้านหนองเต่า ต.โคกสี อ.เมือง จ.ขอนแก่น ซึ่งมีปลานิลเลี้ยงไว้ในกระชัง เล่าว่า ปลานิลของตนตายอยู่ในกระชังทั้งหมดในตอนเช้าของวันนี้ ซึ่งตนคาดว่าเกิดจากการมีน้ำเสียจากโรงงานในละแวกนั้นปล่อยน้ำเสียลงมาที่ลำน้ำพอง เมื่อลำน้ำพองมีน้ำเหลือน้อยจึงทำให้ไม่มีออกซิเจนในลำน้ำพองปลาเลี้ยงไว้จึงขาดออกซิเจน จึงทำให้น็อกน้ำตายทั้งหมด

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ยังไม่มีเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานไหนลงมาตรวจสอบหาสาเหตุทีแน่ชัด พวกตนจึงยังไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริง อยากให้เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องลงมาแก้ไขมาตรวจสอบ เพื่อพวกตนจะได้กลับมาเลี้ยงปลาในกระชังเหมือนเดิม

แหล่งข่าว: 
มติชนออนไลน์

เนื้อหาข่าวเป็นการรวบรวมเพื่อการศึกษาวิจัยเท่านั้น อันเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ มิได้นำไปเพื่อการค้าแต่อย่างใด