เผยภาคกลางมีผู้ป่วยที่ได้รับสารพิษจากสารเคมีกำจัดศัตรูพืชมากที่สุด

กรมอนามัย เตือนพิษจากสารกำจัดศัตรูพืช สะสมนานก่อมะเร็ง หากออกฤทธิ์เฉียบพลัน ส่งผลต่อระบบประสาทอาจถึงขั้นเสียชีวิต พบผู้ป่วยที่ได้รับสารพิษจากสารเคมีกำจัดศัตรูพืชมากที่สุดจากภาคกลาง (ที่มาภาพประกอบ: swissinfo.ch)

9 พ.ย. 2558 นายแพทย์วชิระ เพ็งจันทร์ อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยกับสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยเมื่อวันที่ 5 พ.ย. ที่ผ่านมาว่าปัจจุบันมีการนำสารเคมีกำจัดศัตรูพืช มาใช้อย่างแพร่หลาย ทำให้เกิดปัญหาต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม ข้อมูลจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ พบว่าช่วงปี 2550–2556 แต่ละปี มีรายงานผู้ป่วยที่ได้รับสารพิษจากสารเคมีกำจัดศัตรูพืชมากที่สุดจากภาคกลาง ร้อยละ 31 – 36 รองลงมา คือ ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ ผู้ป่วยส่วนใหญ่มีอาชีพเกษตรกรรม รองลงมาอาชีพรับจ้าง กลุ่มอายุที่ป่วยมากที่สุด คือ กลุ่มอายุ 45 – 54 ปี รองลงมากลุ่มอายุ 55 – 64 ปี และกลุ่ม 35 – 44 ปี โดยพบผู้ป่วยเพศชายมากกว่าเพศหญิง

ทั้งนี้สารเคมีกำจัดศัตรูพืช สามารถตกค้างอยู่ในสิ่งแวดล้อม อาจส่งผลให้เกิดพิษเฉียบพลัน มีผลต่อระบบประสาทพิษเรื้อรัง มีผลต่อการทำงานของตับ และทำให้เกิดโรคมะเร็ง หรือโลหิตจางได้ บางตัวอาจทำให้เกิดการกระตุ้นปลายประสาทอย่างรุนแรง และเสียชีวิตได้ สำหรับประชาชนที่จำเป็นต้องใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืช ควรป้องกันอันตรายจากสารเคมีด้วยการอ่านฉลากที่ติดมากับภาชนะบรรจุให้เข้าใจใส่อุปกรณ์ป้องกันตามคำแนะนำ ที่สำคัญห้ามกินอาหาร น้ำ หรือสูบบุหรี่ในขณะทำการผสมสารเคมี ไม่ควรฉีดพ่นในขณะที่ลมแรง หรือฝนตก และควรยืนอยู่เหนือลมเสมอ

แหล่งข่าว: 
ศูนย์ข้อมูลและข่าวสืบสวนเพื่อสิทธิพลเมือง

เนื้อหาข่าวเป็นการรวบรวมเพื่อการศึกษาวิจัยเท่านั้น อันเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ มิได้นำไปเพื่อการค้าแต่อย่างใด