อภ.รุก"ตลาดยา"กลุ่มประเทศอาเซียน ขยายสมุนไพรสนามบิน

นพ.นพพร ชื่นกลิ่น ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม(อภ.) กล่าวว่า ในส่วนของการกระจายยาและเวชภัณฑ์ นอกจากจะดำเนินการตลาดเชิงรุกภายในประเทศแล้ว จะขยายตลาดไปต่างประเทศด้วย โดยเฉพาะในภูมิภาคอาเซียน ด้วยการสรรหาตัวแทนจำหน่ายรายใหม่ที่มีศักยภาพเพื่อขึ้นทะเบียนยาและทำการตลาด ขยายตลาดกลุ่มยาที่มีศักยภาพ และมีคู่แข่งน้อยราย เช่น ผ่านตัวแทนจำหน่ายผ่านองค์กรพัฒนาเอกชน (เอ็นจีโอ) ผ่านความ ร่วมมือแบบรัฐบาลกับรัฐบาล โดยจะเพิ่มยอดจำหน่ายยาไปยังกลุ่มประเทศลุ่มน้ำโขง ประกอบด้วย เมียนมา ลาว กัมพูชา และเวียดนาม ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 10 ต่อปี

นพ.นพพร กล่าวว่าการขยายตลาดไปยังประเทศเมียนมา อภ.ได้รับหนังสือเชิญจากรัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรมของเมียนมา ให้เข้าร่วมหารือเพื่อทำงานเรื่องยาร่วมกัน อาจจะเป็นการส่งยาไปขายร่วมกับภาคเอกชน ในระยะแรกอาจจะต้องศึกษาและหุ้นร่วมกับคนเมียนมาก่อน ส่วนประเทศลาว ปกติจะมีผู้ประกอบการของลาวมาซื้อยาของอภ.ไปขายอยู่แล้ว จึงอาจจะหารือร่วมกับองค์กรที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับอภ. เพื่อดำเนินการในลักษณะรัฐบาลต่อรัฐบาล โดยเฉพาะยาที่จำเป็น เช่น ยาต้านไวรัสเอชไอวี และยาลดความดัน เป็นต้น เพราะลาวกับไทยมีบริบทที่คล้ายๆ กัน ขณะที่การขยายตลาดยาไปยังประเทศเวียดนาม อภ.ทำได้ค่อนข้างยากมาก เพราะมีการแข่งขันสูง

"ปัญหาอุปสรรคในการขยายตลาดไปต่างประเทศ คือ เรื่องการขึ้นทะเบียนยา ซึ่งยาที่ผ่านการขึ้นทะเบียนในไทยแล้ว ต้องไปขึ้นทะเบียนยาใหม่ในประเทศนั้นๆ ด้วยเพื่อความเชื่อถืออาจทำให้เกิดความล่าช้า นอกจากนี้ อภ.ได้ทำหนังสือไปยังบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด(มหาชน) ในการขอเช่าพื้นที่เพื่อเปิดร้านขายผลิตภัณฑ์ของอภ.ที่ท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง โดยจะเน้นขายผลิตภัณฑ์ที่ทำจากสมุนไพร เพื่อเน้นกลุ่มลูกค้าที่เป็นนักท่องเที่ยว เพราะมีผู้ใช้บริการค่อนข้างมาก"นพ.นพพรกล่าว

หมวดหมู่ของข่าว: 
แหล่งข่าว: 
ข่าวสด

เนื้อหาข่าวเป็นการรวบรวมเพื่อการศึกษาวิจัยเท่านั้น อันเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ มิได้นำไปเพื่อการค้าแต่อย่างใด