ไจก้าลงสำรวจพื้นที่ศึกษาความเป็นไปได้การตัดถนนไฮเวย์ 4 เลนเชื่อมเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายกับเมืองกาญจน์แล้ว คาดสรุปผลภายในสิ้นปีนี้ พร้อมทั้งส่ง 2 ผู้เชี่ยวชาญเข้าร่วมงานในทวาย เอส อี แซด ดีเวลล๊อปเมนต์ สาขาประเทศไทย เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้องค์กร พร้อมทั้งร่วมจัดทำโครงการเพื่อส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจและการเชื่อมโยงภูมิภาคตะวันตกตามแนวระเบียงเศรษฐกิจตอนใต้
องค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (ไจก้า) สำนักงานประจำประเทศไทย เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากการลงนามบันทึกแสดงเจตจำนง (Memorandum of Intent : MOI) 3 ฝ่ายระหว่างญี่ปุ่น เมียนมา และไทย ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2558 เกี่ยวกับความร่วมมือไตรภาคีเพื่อการพัฒนาโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายนั้น ขณะนี้ ไจก้า ซึ่งเป็นหน่วยงานฝ่ายญี่ปุ่น ได้เริ่มให้ความร่วมมือทางวิชาการในโครงการศึกษาความเหมาะสมเบื้องต้นของระเบียงเศรษฐกิจใต้ (Southern Economic Corridor) เพื่อสำรวจวิธีก่อสร้างทางหลวงสายใหม่ขนาด 4 เลนในระยะสมบูรณ์ที่เชื่อมระหว่างเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายในเมืองทวายของเมียนมากับชายแดนไทย ณ บริเวณบ้านพุน้ำร้อน จังหวัดกาญจนบุรี
การศึกษานี้ได้เริ่มขึ้นเมื่อเดือนสิงหาคม 2558 และทางรัฐบาลเมียนมาได้เห็นพ้องในแนวทางการศึกษาโดยรวมแล้ว การลงสำรวจพื้นที่ครั้งแรกนั้นได้แล้วเสร็จเมื่อวันที่ 13 กันยายน 2558 และได้มีการลงสำรวจพื้นที่ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 29-30 ตุลาคม 2558 ซึ่งครั้งนี้ถือเป็นการสำรวจพื้นที่ร่วมกันกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของเมียนมาและไทย ทั้งนี้ ผลการศึกษาของโครงการดังกล่าวจะมีข้อสรุปภายในปีนี้ และคาดว่ารายงานฉบับสมบูรณ์จะแล้วเสร็จในเดือนมกราคม 2559
ตามบันทึกแสดงเจตจำนงข้างต้น ไจก้ายังได้ให้ความร่วมมือทางวิชาการอีกหนึ่งโครงการ คือโครงการเพื่อการส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจและการเชื่อมโยงภูมิภาคตะวันตก ที่ได้ดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 23 สิงหาคม 2558 ภายใต้โครงการนี้ ผู้เชี่ยวชาญญี่ปุ่นระยะยาวจำนวน 2 คน ได้รับมอบหมายให้เข้ามาปฏิบัติงานที่บริษัท ทวาย เอส อี แซด ดีเวลล๊อปเมนต์ จำกัดในประเทศไทยแล้ว และผู้เชี่ยวชาญนี้จะช่วยให้คำแนะนำเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งในองค์กรของบริษัท ทวาย เอส อี แซด ดีเวลล๊อปเมนต์ฯ ที่เป็นนิติบุคคลเฉพาะกิจ (DSEZ SPV) ก่อตั้งและร่วมทุนโดยฝ่ายไทยและเมียนมาในเบื้องต้น และกำลังจะมีฝ่ายญี่ปุ่นเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นรายที่ 3 ภายใต้บันทึกแสดงเจตจำนงดังกล่าวนี้
อนึ่ง ปัจจุบันโครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายกำลังอยู่ในระยะแรก หรือ Initial Phase ซึ่งมีการพัฒนาถนน 2 เลนเชื่อมระหว่างเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายกับชายแดนบริเวณบ้านพุน้ำร้อนของไทยแล้ว ระยะทางราว 138 กิโลเมตร ใช้วงเงินในการปรับปรุง 4.5 พันล้านบาท เป็นเงินกู้จากรัฐบาลไทยที่ให้กู้แก่เมียนมาผ่านทางสำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) หรือ สพพ.ในอัตราดอกเบี้ยพิเศษ แต่ในอนาคตระยะยาวเมื่อโครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายเข้าสู่ระยะสมบูรณ์ หรือ Full Phase จำเป็นต้องมีการพัฒนาถนนรองรับการคมนาคมขนส่งที่จะเพิ่มมากขึ้นในอนาคต ไจก้าจึงเข้ามาช่วยศึกษาความเป็นไปได้ของการก่อสร้างถนนไฮเวย์ 4 เลนดังกล่าวข้างต้น
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 35 ฉบับที่ 3,105 วันที่ 15 – 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558