แนะประยุทธ์ทวนมติจ่ายค่าโง่คลองด่าน เตือนจะต้องรับผิดชอบเหมือนยิ่งลักษณ์ปมจำนำข้าว

ภาคประชาชนแนะประยุทธ์ชะลอจ่ายเงินเอกชนคดีบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน ให้รอคำตัดสินศาลฎีกา ระบุหากจ่าย รัฐบาลอาจต้องรับผิดชอบเหมือนคดีจำนำข้าวของอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เหตุทำให้ประเทศชาติเสียหาย

เมื่อวันที่ 19 พ.ย.ที่ผ่านมา ที่มูลนิธิบูรณะนิเวศ เพ็ญโฉม แซ่ตั้ง ผู้อำนวยการมูลนิธิบูรณะนิเวศ แถลงขอให้รัฐบาลทบทวนมติจ่ายซ้ำค่าโง่โครงการบ่อบำบัดนํ้าเสียคลองด่าน จ.สมุทรปราการ 9.6 พันล้านบาท ว่า ชาวบ้านคลองด่านและมูลนิธิฯ ขอคัดค้านและขอให้ทบทวนมติครม. เมื่อวันที่ 17 พ.ย.ที่ผ่านมา ที่เห็นชอบให้สำนักงบประมาณจ่ายเงินกว่า 9.6 พันล้านบาทให้กับกลุ่มกิจการร่วมค้าเอ็นวีพีเอสจี เพราะไม่เข้าใจว่าทำไมรีบร้อนจ่าย ในเมื่อการต่อสู้คดีอาญาการฉ้อโกงสัญญา กรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นผู้ฟ้องคดีบริษัทเอกชน 19 ราย ยังไม่ถึงที่สุด และยังอยู่ในการพิจารณาของศาลฎีกา ซึ่งทราบจะมีคำพิพากษาเร็วๆนี้ ดังนั้นรัฐบาลควรต้องรอให้การพิจารณาคดีถึงที่สุดก่อน เพราะหากศาลฎีกามีคำพิพากษาให้กรมควบคุมมลพิษเป็นผู้ชนะคดี และบริษัทเอกชนเป็นฝ่ายแพ้คดี เพราะฉ้อโกง ตามหลักกฎหมายแล้วการดำเนินการใดๆ ให้ถือตามการตัดสินของศาลอาญาเป็นหลัก ไม่ใช่การตัดสินของศาลแพ่ง ศาลปกครองหรือสถาบันอนุญาโตตุลาการ

เพ็ญโฉม กล่าวต่อว่า ที่สำคัญ รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์​ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต้องรับผิดชอบต่อการจ่ายคาโง่คลองด่านเช่นเดียวกับกรณีที่ ยิ่งลักษณ์​ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ต้องรับผิดชอบต่อการทุจริตโครงการรับจำนำข้าว เพราะหากรัฐบาลผลีผลาม จ่ายเงินค่าเสียหายแก่เอกชนไปแล้ว จะไม่สามารถทวงคืนมาได้ ถ้าไม่รอฟังคำตัดสินของศาลฎีกา และเมื่อมีผู้ฟ้องร้องต่อรัฐบาล รัฐบาลก็ต้องรับผิดชอบ

“หากรัฐบาลผลีผลามจ่ายเงินค่าเสียหายแก่เอกชน ตามคำตัดสินของสถาบันอนุญาโตตุลาการและศาลปกครอง โดยไม่รอฟังผลการพิจารณาของศาลฎีกา รัฐบาลจะไม่สามารถทวงเงินที่จ่ายให้กับบริษัทเอกชนกลับคืนสู่รัฐได้อีกเลย เมื่อเป็นเช่นนั้น หากในอนาคตมีผู้ฟ้องร้องว่ารัฐบาลหละหลวมในการดำเนินการเรื่องนี้ จนเป็นเหตุให้ประเทศชาติเสียหาย รัฐบาลชุดนี้ต้องเป็นผู้รับผิดชอบต่อเงินจำนวนดังกล่าว” เพ็ญโฉม ระบุ

เพ็ญโฉม กล่าวถึงทางแก้ไขในเรื่องนี้ว่า รัฐบาลควรปรึกษาและขอคำแนะนำจากคณะกรรมการกฤษฎีกาว่าควรจะดำเนินการเรื่องนี้อย่างไร เพื่อให้คณะกรรมการกฤษฎีกาตีความว่า ครม.ควรชำระเงิน 9,600 ล้านบาทหรือไม่

“มูลนิธิเห็นว่า ที่ผ่านมาการเสนอเรื่องแก่ครม.ให้ชำระเงินให้บริษัทเอกชน ขาดการนำเสนอข้อมูลหลายอย่างเพื่อประกอบการพิจารณา รวมถึงการต่อสู้ของกรมควบคุมมลพิษในชั้นศาล ก็ขาดข้อมูลสำคัญในการประกอบการต่อสู้ จึงเกิดคำถามว่า รัฐบาลในนามของกรมควบคุมมลพิษ มีความจริงใจต่อสู้คดีเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติแค่ไหนอย่างไร และที่จริงเป็นโอกาศดีที่รัฐบาลภายใต้ คสช. ซึ่งมีอำนาจจะล้างบางการทุจริตที่สร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติ 20,000-30,000 ล้านบาท ครั้งนี้ เพราะรัฐบาลชุดที่ผ่าน ๆ มา ทั้งจากพรรคประชาธิปัตย์ ไทยรักไทย หรือเพื่อไทย ต่างมีผู้เกี่ยวข้องอยู่ในรัฐบาลทั้งสิ้น” เพ็ญโฉม กล่าว

ดาวัลย์ จันทรหัสดี อดีตแกนนำประชาชนตำบลคลองด่านซึ่งคัดค้านโครงการนี้ และมูลนิธิบูรณะนิเวศ ระบุด้วยว่าขอแสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยกับมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว และเห็นว่ายังมีช่องทางที่จะหลีกเลี่ยงความเสียหายแก่งบประมาณแผ่นดินอันเกิดจากการด่วนตัดสินใจจ่ายเงินแก่กลุ่มกิจการร่วมค้า NVPSKG ทั้งนี้เพราะกลุ่มกิจการร่วมค้าฯ ได้ปกปิดข้อมูลสำคัญ อันเป็นเหตุให้กรมควบคุมมลพิษพลาดพลั้งทำสัญญาว่าจ้างให้ดำเนินโครงการ จนกลายเป็นความเสียหายบานปลายแก่ประเทศในที่สุด และเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้รัฐบาลมีคำสั่งยกเลิกสัญญาโครงการนี้เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2546 อนึ่ง การยุติโครงการก่อสร้างบ่อบำบัดน้ำเสียตำบลคลองด่าน ยังคงมีข้อมูลและข้อเท็จจริงจำนวนมากที่รัฐบาลควรใคร่ครวญไตร่ตรองให้ละเอียด ก่อนจะตัดสินใจจ่ายเงินให้แก่บริษัทเอกชน

ที่มา : ไทยพีบีเอสและเดลินิวส์

แหล่งข่าว: 
ประชาไทออนไลน์

เนื้อหาข่าวเป็นการรวบรวมเพื่อการศึกษาวิจัยเท่านั้น อันเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ มิได้นำไปเพื่อการค้าแต่อย่างใด