นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ (กทบ.) เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้เตรียมความพร้อมใช้กองทุนหมู่บ้านเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากของประเทศในระยะต่อไป ซึ่งส่วนตัวเห็นว่ากองทุนหมู่บ้านเป็นกลไกที่สามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้ แต่ต้องทำควบคู่กับแนวทางประชารัฐ ให้ชุมชนมีบทบาทดำเนินโครงการที่เป็นประโยชน์กับชุมชนและต่อยอดให้เกิดรายได้เสริมหรือสร้างประโยชน์ให้กับส่วนรวมได้
ส่วนความคืบหน้าของมาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ของประชาชนผู้มีรายได้น้อย โดยการให้สินเชื่อแก่กองทุนหมู่บ้านหมู่บ้านละ 1 ล้านบาท นั้นข้อมูล ณ วันที่ 16 พ.ย.ที่ผ่านมา มีกองทุนหมู่บ้านที่ยื่นขอกู้เงินจากธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จำนวน 50,050 ล้านบาท จากกองทุนหมู่บ้านเป้าหมายทั้งหมด 59,875 แห่ง คิดเป็น 83.59% โดยมีกองทุนหมู่บ้านที่ได้รับการจัดสรรเงินกู้แล้วจำนวน 45,734 แห่ง คิดเป็น 76.38% และคิดเป็นจำนวนเงินที่ได้รับการจัดสรรแล้วจำนวน 44,800 ล้านบาท คิดเป็น 74.73% ของวงเงินสินเชื่อทั้งหมด 60,000 ล้านบาท โดยมีผู้รับสินเชื่อจำนวน 2.8 ล้านราย คงเหลือเงินที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของธนาคารอีก 4,316 กองทุน คาดว่าภายในปีนี้เม็ดเงินทั้งหมดที่ได้รับการจัดสรรลงสู่ระบบเศรษฐกิจได้
“สำหรับกองทุนหมู่บ้านเกรดเอและบีที่ธนาคารกำลังพิจารณาอยู่อีก 4,316 กองทุนนั้น ต้องยอมรับว่าบางกองทุนมีปัญหาบางอย่างที่ธนาคารยังไม่สามารถปล่อยสินเชื่อให้ได้ ขณะที่กองทุนเกรดซีและดี บางกองทุนสามารถปรับปรุงคุณภาพขึ้นมาจนผ่านเกณฑ์การประเมินในการเพิ่มทุนระยะที่ 3 ถือว่ามีพัฒนาการที่ดีขึ้น จึงควรมีการประเมินจัดเกรดกองทุนหมู่บ้านใหม่ทั่วประเทศอีกครั้ง โดยขณะนี้ยังเหลือวงเงินที่ยังไม่ได้อนุมัติสำหรับการเพิ่มทุนระยะที่ 2 และระยะที่ 3 อีกประมาณ 18,000 ล้านบาท ซึ่งกองทุนหมู่บ้านเกรดซีและดี ได้ทยอยส่งแผนฟื้นฟูให้พิจารณาแล้ว โดยจะส่งเรื่องให้คณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติพิจารณาในการประชุมครั้งต่อไป”