จากรายงานของรอยเตอร์ส เมื่อวานนี้ (19 พฤศจิกายน) องค์การอาหารและยาของสหรัฐฯ (FDA) ประกาศเปิดทางให้กับการเลี้ยงแซลมอนแอตแลนติกที่ผ่านการตัดต่อพันธุกรรมสำหรับการบริโภคของมนุษย์ ซึ่งถือครั้งแรกที่มีการรับรองในลักษณะนี้
FDA ยังกล่าวว่า แซลมอนพันธุ์นี้ที่ถูกพัฒนาโดยบริษัท AquaBounty ไม่จำเป็นต้องติดฉลากระบุว่าเป็นแซลมอนที่ผ่านการตัดต่อพันธุกรรม เนื่องจากมีสารอาหารที่ทัดเทียมกับแซลมอนแอตแลนติกที่มีการพัฒนาสายพันธุ์ตามธรรมชาติ
แซลมอนพันธุ์นี้ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อลดเวลาที่ใช้ในการเลี้ยงให้เหลือเพียงครึ่งหนึ่งของสายพันธุ์ธรรมชาติ โดยคาดว่า มันจะถูกนำมาวางขายในท้องตลาดได้เป็นครั้งแรกภายในระยะเวลาสองปี ซึ่งคำประกาศของ FDA ทำให้หุ้นของบริษัทแม่ของ AquaBounty พุ่งขึ้นถึง 7.3 เปอร์เซนต์ ในช่วงบ่ายของตลาด
ด้านกลุ่มนักกิจกรรมทางสังคมได้แสดงความกังวลต่อผลิตภัณฑ์อาหารที่ผ่านการตัดต่อพันธุกรรมมาโดยตลอดเนื่องจากเชื่อว่าผลิตภัณฑ์ดังกล่าวอาจเป็นอันตรายต่อทั้งสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชน เมื่อวานนี้หลายคนได้ออกมากล่าวว่าพวกเขาจะออกมาคัดค้านการวางขายของแซลมอนตัดต่อพันธุกรรม ขณะที่กลุ่มค้าปลีกบางรายก็ออกมากล่าวว่า พวกเขาจะไม่นำผลิตภัณฑ์ดังกล่าวออกวางขาย
ขณะที่ ดร.วิลเลียม มัวร์ ศาสตราจารย์ด้านพันธุกรรมศาสตร์ประจำมหาวิทยาลัยเพอร์ดิวซึ่งเป็นผู้ที่เรียกร้องให้รัฐบาลรับรองแซลมอนตัดต่อพันธุกรรมมาอย่างยาวนานกล่าวว่าไม่มีหลักฐานบ่งชี้ที่แน่ชัดว่า ปลาตัดต่อพันธุกรรมชนิดนี้เป็นภัยต่อสิ่งแวดล้อมหรือมนุษย์ พร้อมกล่าวว่า การจับปลาตามธรรมชาติเพื่อการบริโภคเป็นสิ่งที่ไม่ยั่งยืน และปัจจุบันอุตสาหกรรมการประมงก็ทำการจับสัตว์น้ำเกินความพอดีไปแล้ว