ทูตสหรัฐฯผิดหวังไทยส่ง 2 ชาวจีนกลับ กังวลออกหมายเรียกนักวิชาการกระทบเสรีภาพ

เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ย้ำผิดหวังไทยส่ง 2 ชาวจีนกลับประเทศ กังวลกรณีออกหมายเรียกนักวิชาการ กระทบเสรีภาพพื้นที่การแสดงออก

23 พ.ย. 2558 เฟซบุ๊กแฟนเพจ ‘U.S. Embassy Bangkok’ รายงานว่า กลิน ที.เดวีส์ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่กระทรวงกลาโหม เนื่องในวาระเข้ารับตำแหน่งใหม่ ทั้งสองสนทนาหารือครอบคลุมหลากหลายประเด็น โดยเน้นถึงมิตรภาพระหว่างไทยกับสหรัฐอเมริกาที่ดำเนินมายาวนาน ตลอดจนความร่วมมือด้านต่างๆ ตั้งแต่การเป็นพันธมิตรด้านความมั่นคง การรักษาสันติภาพ ไปจนถึงสายสัมพันธ์ระดับประชาชนซึ่งสร้างคุณประโยชน์แก่ทั้งสองประเทศ ภูมิภาคนี้ รวมถึงในระดับที่กว้างขวางยิ่งขึ้น เอกอัครราชทูตเดวีส์กล่าวต่อรองนายกรัฐมนตรีประวิตรว่า ท่านรอคอยที่จะได้ร่วมการฝึกคอบร้าโกลด์ครั้งแรกของท่านในปี 2559 และแสดงความหวังให้ประเทศไทยมีสเถียรภาพ เป็นประชาธิปไตยและเจริญรุ่งเรือง พร้อมดำรงบทบาทผู้นำในเวทีโลก

ภาพจากเฟซบุ๊กแฟนเพจ ‘U.S. Embassy Bangkok’

สำนักข่าวไทย รายงานด้วยว่า กลิน ที.เดวีส์ เปิดเผยภายหลังเข้าพบ พล.อ.ประวิตร ว่า ได้หารือร่วมกันหลายประเด็น ทั้งความร่วมมือแก้ปัญหาการก่อการร้าย ปัญหาในทะเลจีนใต้ การค้ามนุษย์ รวมทั้งเรื่องที่ไทยส่งชาวจีน 2 คนกลับไปยังจีน ซึ่งสหรัฐรู้สึกผิดหวังเป็นอย่างยิ่ง เพราะเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น เนื่องจากทั้งคู่ได้ลงทะเบียนเป็นผู้ลี้ภัยแล้ว นอกจากนี้สหรัฐให้ความสำคัญกับปัญหาในทะเลจีนใต้และต้องการเห็นทุกฝ่ายแก้ปัญหาโดยแนวทางสันติ โดยจีนไม่ควรสร้างเกาะเพิ่ม และไม่ควรนำกำลังทหารเข้าไปประจำการ

เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย กล่าวถึงความสัมพันธ์ทางทหารไทย-สหรัฐฯ ว่า มีความแน่นแฟ้นมายาวนานร่วม 60 ปี และหวังว่าจะเดินหน้าต่อไป ยืนยันว่าการฝึกคอบร้าโกลด์ในปี 2559 จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน โดยจะเริ่มในเดือนกุมภาพันธ์ 2559 เพราะถือว่ามีความสำคัญ เนื่องจากไม่ได้มีเพียงประเทศไทยและสหรัฐ แต่ยังมีหลายประเทศเข้าร่วมในรูปแบบพหุภาคี ส่วนระดับการฝึกจะใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา

“ผมมั่นใจความปลอดภัยในประเทศไทย และขอให้คนไทยมีความสุขในเทศกาลลอยกระทงที่จะถึงนี้” กลิน ที.เดวีส์ กล่าว

กังวลกรณีออกหมายเรียกนักวิชาการ กระทบเสรีภาพพื้นที่การแสดงออก

นอกจากนี้เมื่อวันที่ 20 พ.ย. ที่ผ่านมา สำนักข่าวประชาธรรม รายงานด้วยว่า กลิน ได้กล่าวถึงสถานการณ์การออกหมายเรียกนักวิชาการ หลังแถลงข่าวมหาวิทยาลัยไม่ใช่ค่ายทหาร (รายละเอียดเพิ่มเติม) ระหว่างเข้าร่วมงาน “global entrepreneurship week” ที่เชียงใหม่ จัดโดยสถานกงสุลอเมริกาประจำจังหวัดเชียงใหม่ว่า สิ่งหนึ่งที่ตนพูดกับรัฐบาลสม่ำเสมอ คือ สหรัฐหวังว่ารัฐบาลไทยจะเปิดพื้นที่ให้ประชาชน ประชาสังคม พูดมากกว่านี้ ขณะที่ท่าทีของรัฐบาลไทยก็ยืนยันว่าจะไม่มีการจับ หรือควบคุมคนไม่ให้พูด หรือจับคนที่มาชุมนุม

“การเคารพเสรีภาพในการพูด เสรีภาพในการชุมนุมเป็นสิ่งสำคัญมาก ซึ่งเป็นสิทธิที่รัฐบาลไทยได้เซ็นให้การรับรองไว้กับยูเอ็น เหตุการณ์ที่ออกหมายเรียกนักวิชาการสร้างความกังวลใจให้กับเราอย่างมาก สิทธิในการพูด หรือแสดงออก รวมถึงเสรีภาพในการชุมนุม จะทำให้เมืองไทยเข้มแข็ง เมื่อผู้คนสามารถพูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็นกัน และเก็บเกี่ยวจากมันจะส่งผลต่ออนาคตของประเทศ”

“จากประสบการณ์ของอเมริกา แม้จะเป็นประเทศเพิ่งเกิดใหม่ แต่เป็นประเทศที่ประชาธิปไตยใช้การมานานที่สุด เราคิดว่าเราเป็นประเทศที่ประสบความสำเร็จก็เพราะว่ามีประชาธิปไตย ที่ผู้คนสามารถตัดสินใจได้ว่าใครจะเป็นรัฐบาล ทุกคนเป็นคนเลือกไม่ว่าจะในระดับไหน ระดับล่างมาจนถึงระดับบน เมือง จังหวัด นี่เป็นสิ่งที่อเมริกาเชื่อมั่น และเชื่อว่าสิ่งนี้จะทำให้ประเทศไทยเข้มแข็ง” เอกอัครทูตสหรัฐประจำประเทศไทย กล่าวสรุป

เนื้อหาข่าวเป็นการรวบรวมเพื่อการศึกษาวิจัยเท่านั้น อันเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ มิได้นำไปเพื่อการค้าแต่อย่างใด