ทักษิณงัดไม้เด็ดกระตุ้นศก.

โพสต์ทูเดย์ ? รัฐบาลประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ในสัปดาห์ที่ 2 เดือนมกราคมนี้ งัดไม้เด็ดแก้ปัญหายากจน-สร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ หวังดันจีดีพีขึ้นถึง 6%

นายทนง พิทยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ขอให้ประชาชนรอฟังการแถลงนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะเป็นผู้แถลงให้ประชาชนรับทราบในช่วงสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนมกราคมนี้ เพราะมาตรการใหม่ที่กำลังจะออกมานี้จะเน้นในเรื่องการแก้ไขปัญหาความยากจน และการส่งเสริมการลงทุน การสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ เพื่อก่อให้เกิดการจ้างงานเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อการขยายตัวของการบริโภคด้วย

นายทนง กล่าวว่า รัฐบาลมีความมั่นใจว่ามาตรการในการดำเนินงานทางด้านเศรษฐกิจจะสามารถผลักดันให้เศรษฐกิจของประเทศเติบโตได้ที่ระดับ 5-6% ซึ่งนายกฯ ได้เรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาระดมสมองหามาตรการช่วยเหลือประชาชนแล้ว โดยใช้ข้อมูลของการสำรวจความต้องการของประชาชนที่สำนักงานสถิติแห่งชาติสำรวจเป็นตัวนำ

นายทนง กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมารัฐบาลและกระทรวงการคลังได้พยายามเร่งสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นตลอดเวลาแต่ก็ต้องทำ อีก โดยในส่วนแผนพัฒนาตลาดทุนน่าจะเสร็จสมบูรณ์ภายในเดือนมกราคมนี้ และสามารถนำมาใช้ได้อีก 4 ปีข้างหน้า ขณะที่มาตรการทางด้านภาษีต่างๆ ที่มีการปรับปรุงไปแล้วหลายอย่าง เช่น การลดภาษีสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ การขายเครื่องจักรเก่าเพื่อมาซื้อเครื่องจักรใหม่สามารถนำมาหักค่าใช้จ่ายได้ การยกเว้นภาษีเงินปันผลให้กับบริษัทที่เข้าไปถือหุ้นในบริษัทที่จดทะเบียนในต่างประเทศ การยกเว้นภาษีเงินได้ให้กับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อร่วมทุนกับวิสาหกิจขนาด กลางและขนาดย่อม สิ่งเหล่านี้เป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับภาคธุรกิจแทบทั้งสิ้น แต่ต้องมีอีกหลายมาตรการมาอีก

สำหรับเรื่องการแก้ไขปัญหาหนี้สินให้กับประชาชนได้มอบหมายให้ธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เข้าไปดูแลมากขึ้น เร่งเดินหน้าโครงการธนาคารประชาชนให้ครอบคลุมมากขึ้น ต่อไปนี้กระทรวงการคลังจะทำหน้าที่ประกบการทำงานของหน่วยต่างๆ ให้ไปด้วยกัน

สำหรับโครงการเมกะโปรเจ็กต์ ก็ไม่น่าจะมีปัญหา รัฐบาลมีกรอบนโยบายการเงินการคลังเป็นตัวกำหนดทิศทางการดำเนินงานอยู่แล้ว และการ ที่นายกฯ เข้ามาดูแลอย่างใกล้ชิดเป็นเรื่องดี ทำให้เชื่อได้ว่าโครงการเมกะโปรเจ็กต์จะไม่ล่าช้า

นายวราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า มาตรการแก้ปัญหาหนี้สินภาคประชาชนในปี 2549 จะดึงลูกหนี้นอกระบบที่เคยลงทะเบียนไว้และได้นำส่งมาให้สถาบันการเงินช่วยดูแล โดยจะให้สถาบันการเงินต่างๆ ที่รับลูกหนี้เข้าไปดูแลและไม่สามารถปล่อยกู้ได้ส่งข้อมูลกลับ เพื่อนำลูกหนี้กลุ่มดังกล่าวกลับมาหาแนวทางในการดูแล โดยอาจจะให้สถาบันการเงินปล่อยกู้เพิ่มเติม หรือจัดตั้งกองทุนขึ้นมาบริหารหนี้

นายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า เชื่อว่าแนวโน้มเศรษฐกิจในปี 2549 จะดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา ถ้าได้แรงเสริมดีๆ อาจโตถึง 6% ได้ ขอให้ทุกฝ่ายมีความเชื่อมั่น

หมวดหมู่ของข่าว: 

เนื้อหาข่าวเป็นการรวบรวมเพื่อการศึกษาวิจัยเท่านั้น อันเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ มิได้นำไปเพื่อการค้าแต่อย่างใด