คนไทยมีสิทธิหรือไม่

13 มงค. 49
ประชานิเวศน์ ..จอดป้ายประชาชื่น

ไม่รู้ว่าการเจรจาจัดทำเขตการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ไทย-สหรัฐ ที่ยืดเยื้อยาวนานมากว่า 2 ปีแล้วนั้นจะจบลงเมื่อใด และอยู่ในรูปแบบไหน ก็ยากที่จะคาดเดาได้ เพราะความวุ่นวายที่ถาโถมเข้ามาใส่คณะเจรจาที่มีนายนิตย์ พิบูลสงคราม เป็นหัวหน้าทีมนั้นช่างมากมายเหลือเกิน

แต่เหนืออื่นใดความวุ่นวาย สับสน ส่วนใหญ่น่าจะมาจากการเจรจาระหว่างกันของไทยกับสหรัฐ ที่ดูปกปิด มีวาระซ่อนเร้นและปกปิดข้อมูลกับประชาชน เพราะไม่ว่าจะถามถึงข้อเสนอของไทย ข้อเสนอของสหรัฐ หรือแม้แต่ผลการเจรจาในแต่ละวันก็จะได้รับคำตอบเดิมๆ กลับมาจากตัวแทนคณะเจรจาฝ่ายไทย ว่า

"ทุกอย่างเป็นความลับ"

หรือยังไม่ได้ข้อสรุป ไม่สามารถเปิดเผยได้ ด้วยเหตุผลที่ว่ามีข้อตกลงกับสหรัฐไว้ว่าจะไม่เปิดเผยเอกสารและรายละเอียดของผลการประชุมจนกว่าจะสิ้นสุดการเจรจา

ล่าสุดเมื่อกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงหนักขึ้น จนถึงขั้นปิดล้อมโรงแรมเชอราตัน จนทำให้วันที่ 11 มกราคม คณะเจรจาทั้ง 2 ฝ่ายต้องเผ่นหนีออกไปประชุมกันนอกเมืองแทบไม่ทัน แถมยังต้องอำพรางตัวเป็นนักท่องเที่ยวไปขึ้นรถตู้ เพื่อไม่ถูกรุมสกัดไปก่อน

วิธีการทั้งการหลบหนี อำพรางตัว ยิ่งเติมเชื้อความไม่ไว้วางใจให้กับกลุ่มผู้ชุมนุมมากยิ่งขึ้น

ยิ่งปิด ก็ยิ่งอยากรู้

เพราะหากการเจรจาโปร่งใสจริง อย่างที่รัฐพยายามบอกมา เหตุใดจึงไม่เปิดเผยข้อมูลให้สาธารณชนตาดำๆ อย่างกลุ่มผู้ชุมนุมหรือสื่อมวลชนได้รับทราบข้อมูลบ้าง

นอกจากนี้ ในการเจรจาครั้งนี้ยังมีเรื่องแปลกเกิดขึ้น คือ สิ่งที่รัฐและคณะเจรจาได้เพียรพยายามพูดตอกย้ำกับกลุ่มผู้ชุมนุมและสื่อมวลชนมาตลอดระยะเวลา 2 ปีว่า ผลการประชุมถือเป็นความลับระหว่างประเทศ

แต่หลังจากเจรจาในแต่ละวัน ข้อมูลการเจรจากลับถูกนำมาเปิดเผยชนิดรายวันให้กับภาคเอกชน เช่น สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย ฯลฯ ได้รับฟังโดยละเอียด

เมื่อสอบถามกลับไปยังคณะเจรจา ว่าเหตุใดเรื่องที่บอกกันว่าต้องเป็นความลับ จึงมีการสรุปผลการประชุมแต่ละวันให้กับภาคเอกชน ก็ได้รับฟังได้รับคำตอบที่น่าฉงนยิ่งว่า

"เอกชนน่าจะมีสิทธิได้รับทราบข้อมูล เพื่อเสนอแนะ และท้วงติง กลับมาได้"

โอ้โห! แล้วกลุ่มนักวิชาการ เอ็นจีโอ กลุ่มผู้ชุมนุม และสื่อมวลชน ไม่สามารถมีสิทธิมีเสียง ในการเข้าร่วมรับฟังผลการเจรจา และแสดงความคิดเห็นบ้างด้วยหรือ

หรือกลุ่มเหล่านี้ถูกจัดไว้เช่นเดียวกับบรรดา ส.ส.ในสภาที่ถูก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ดูถูกไว้ว่า "ไม่มีความเชี่ยวชาญพอ"

ทั้งที่ทุกคนเป็นประชาชนชาวชาวไทยคนเหมือนกัน เสียภาษีเหมือนกัน

ที่สำคัญ นี่คือการเจรจาบนผืนแผ่นดินไทย มีผลประโยชน์ของคนไทยทั้งชาติเป็นเดิมพัน จึงย่อมมีสิทธิที่จะได้รับรู้ร่วมกัน ปกป้องผลประโยชน์ด้วยกัน

ไม่ใช่ให้สิทธิคนไทยกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งได้รู้ก่อน ว่ารัฐกำลังจะพาพวกเขาไปไหน ซึ่งถ้าพวกเขาพอใจ อยากได้ หรืออยากมี ก็ประเคนสิทธิประโยชน์นั้นให้

ถ้าคณะเจรจาฝ่ายไทย ยังคิดแบบนี้อยู่ เชื่อได้ว่า "ความรุนแรง" ในการต่อต้านการเจรจาก็คงไม่หนีไปไหน!!

หมวดหมู่ของข่าว: 

เนื้อหาข่าวเป็นการรวบรวมเพื่อการศึกษาวิจัยเท่านั้น อันเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ มิได้นำไปเพื่อการค้าแต่อย่างใด