แฉสัญญาอัปยศฮุบโปแตส ปลุกคนอีสานต้านแร้งทึ้ง

เมื่อวันที่31 มกราคม นายถาวร เสนเนียม รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าว ตอบโต้กรณีที่นายสมหมาย ภาษี ประธานกรรมการบริษัทเหมืองแร่โปแตซอาเซี่ยน จำกัด มหาชน ที่ ระบุว่า การดำเนินการหาผู้ร่วมทุนในหุ้นเหมืองแร่โปแตซเกิดขึ้นในสมัยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ที่มีนายธารินทร์ นิมมานเหมินท์ เป็นรมว.คลัง ทำให้นายเหยียนปิน หรือชาญชัย รวยรุ่งเรือง ที่ ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายต่างประเทศ เข้ามาถือครองหุ้นได้ 49%ว่า นายสมหมายพูดโกหก

นายถาวร กล่าวว่าจากเอกสารที่ตนได้รับจากคนในรัฐบาลมีหลักฐานชัดเจนจากจดหมายสรุป ความคืบหน้าการหาผู้ร่วมทุนว่าบริษัทฯที่นายสมหมายได้รายงานความคืบหน้าของการดำเนินโครงการ ในฐานะเป็นประธานกรรมการบริษัทเหมืองแร่โปแตซถึงนายสมิด จาตุศรีพิทักษ์ รมว.คลังในขณะนั้น เกี่ยวกับการหาผู้ร่วมลงทุนในบริษัทเหมืองแร่โปแตซฯ โดยในจดหมายดังกล่าวระบุว่าได้เริ่มดำเนิน การเชิญชวนตั้งแต่เดือนมีนาคม 2544 ซึ่งเป็นสมัยรัฐบาลทักษิณ

"มีบริษัททั้งต่างชาติและไทยรวม 6 กลุ่มให้การเสนอเข้ามา แต่ก็ถูกเขี่ยออกไป ต่อมาบริษัท ชิโน เคมีคอล จากจีนเสนอเข้ามาอีกแต่ก็ถูกเขี่ยออกไป อ้างว่าขาดคุณสมบัติ จากนั้นไม่กี่วันก็ให้บริ ษัทชิโน-ไทย โปแตช ของนายเหยียนปิน ที่มีการจดทะเบียนที่ประเทศฮ่องกง เมื่อวันที่ 22 กัน ยายน 2547 และต่อมาในเดือนพฤศจิกายน 2547ได้ยื่นขอซื้อหุ้นเป็นการเฉพาะเจาะจงในบริษัท เหมืองแร่โปแตซอาเซี่ยน จำกัด มหาชน จำนวน ร้อยละ 49 จากนั้นนายสมหมายได้รายงานต่อ กระทรวงการคลังว่าบริษัทมีมติเพิ่มทุนจัดสรรหุ้นให้กับชิโน-ไทยร้อยละ49 จำนวน 10ล้านหุ้น"

นายถาวรยังได้แสดงหนังสือจากรองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ที่ทำถึงปลัดกระทรวงการคลัง ข้อความสำคัญคือ ขอให้พิจารณาโครงสร้างผู้ถือหุ้นอย่างรอบคอบรวมถึงการแบ่งผลผลิตที่จะเกิดขึ้น ภายหลังการลงนามในสัญญาเพราะอาจจะกระทบต่อข้อตกลงมาตรฐาน และข้อตกลงร่วมค้าที่ลงนาม ไว้ในอดีตระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลของกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซี่ยน ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อ ผลประโยชน์ของประเทศไทยโดยตรงได้ แต่ปรากฎว่ากระทรวงการคลังได้เพิกเฉยไม่ดำเนิน การใดๆ แม้จะมีการหนังสือท้วงติงไปถึงสองครั้ง

นายถาวร กล่าวด้วยว่าในรายงานการประชุมของบริษัทเหมืองแร่โปแตซฯเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2547 นายสมหมายได้ลงนามในรายงานดังกล่าวว่า จะต้องมีการแก้ไขข้อตกลงร่วมค้าเพื่อ เปิดโอกาส ให้ผู้ร่วมทุนเข้ามาถือหุ้นจำนวนเพิ่มขึ้น ชี้ให้เห็นว่ามีการนำนายเหยียน ปิน เข้ามาถือ หุ้นในสมัยรัฐบาลทักษิณ และนำไปสู่สิ่งที่นายสมหมายบอวก่าในวันที่ 6 สิงหาคม 2548 ได้พบกับ นายกฯแสดงว่านายกฯเองก็ต้องมีส่วนรู้เห็นและอยู่เบื้องหลัง
นายถาวรยังชี้ด้วยว่าสาระในสัญญาเข้าจองซื้อหุ้นระหว่างบริษัทเหมืองแร่โปแตซฯกับชิโน- ไทย โปแตส ที่ทำขึ้นเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2547 ว่ามีการเอื้อประโยชน์ให้กับนายเหยียน ปิน อย่างมหาศาล ทำให้รัฐบาลไทยอยู่ในฐานะเสียเปรียบทุกอย่างเช่น ข้อ4.3 หากบริษัทหรือผู้จองซื้อ หุ้นเลื่อนกำหนดเวลาการทำตามภาระผูกพันคือจ่ายเงินในการซื้อหุ้นไม่ครบก็สามารถเลื่อนออกไปได้

ข้อ8.3 เงื่อนไขสัญญาออฟเทคกิ้ง เปิดโอกาสให้บริษัทนายเหยียน ปิน มีสิทธิ์ในสินค้าแร่โป แตซตามสัดส่วนร้อยละของการถือหุ้นคือ49 และสามารถส่งออกไปยังประเทศจีนได้ทั้งหมด และข้อ 8.4 การชำระเงินซื้อหุ้นครั้งแรกให้จ่ายเพียงแค่ 10ล้านบาทเท่านั้น ส่วนที่เหลือขึ้นอยู่กับความพึง พอใจของผู้จองซื้อหุ้นต่อผลการตรวจสอบสถานะของบริษัท ข้อ10.3 การละเว้นหรือการล่าช้าใน การใช้สิทธิใดๆภายใต้สัญญานี้ไม่ถือเป็นการสละสิทธิ์ดังกล่าวและไม่ทำให้การใช้สิทธิ์ครั้งต่อไปเสีย ไปด้วย

นายถาวร กล่าวว่า ส.ส.ไทยรักไทยในภาคอีสานเห็นสัญญานี้แล้วอดสูใจ จึงได้มีการนำเข้า ที่ประชุมคณะกรรมาธิการติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนฯ และกรรมาธิการฯได้ทำหนังสือ ด่วนไปถึงปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ให้มีการทบทวน
รองเลขาธิการพรรคประพชาธิปัตย์ กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ และนายสมคิดต้องรับผิดชอบ ทางพรรคกำลังพิจารณาข้อกฎหมายว่าการร่วม มือเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขสัญญาไม่ได้เป็นตามมาตร ฐานของการบริหารจัดอย่างโปร่งใสว่าเข้าข่ายวางแผนลักทรัพย์ ปล้นทรัพย์หรือเป็นการแสวงหา ประโยชน์ที่มิชอบหรือไม่โดยเฉพาะมาตรา157ของป.วิอาญาเกี่ยวกับการกระทำที่ส่อไปในทางทุจริต

พร้อมกันนี้นายถาวรยังได้เรียกร้องให้1.นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงษ์ไพศาล รมว.คมนาคม ขอโทษ ที่กล่าวบิดเบือนว่านายเหยียนปินมีคุโณปการต่อแผ่นดินไทย 2.ให้นายสมหมายขอโทษที่โกหกพกลมโยน ความผิดมาให้รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ และอยากจะออกทีวีกับนายกฯหรือรมว.คลังว่าโครงการ นี้เอื้อประโยชน์ต่อประเทศไทยหรือคนของนายกฯ และ3.ปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหม่เสีย พร้อมกับ คืนเงิน 26ล้านให้กับนายเหยียน ปิน ซึ่งเชื่อว่ารัฐบาลจะไม่ถูกฟ้องกลับเพราะเป็นการทำสัญญาที่ไร้ ศีลธรรมและขัดต่อวัตถุประสงค์ต้องถือเป็นโมฆะ

นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ อดีตรมว.อุตวาหกรรม กล่าวว่า สมัยที่ตนเป็นรมวอุตสาหกรรม เคนเดินทางไปดูแหล่งที่พบแร่โปแตชที่จ.อุดรธานี และชัยภูมิ พบว่าเป็นแหล่งน้ำมันขาวของคนอี สานที่มีมูลค่ามหาศาล หากพัฒนาต่อไปอีก100 ปีจะมีมูลค่าร่วม1ล้านล้านบาท ไม่ใช่แค่4-5 แสนล้าน บาทเท่านั้น โดยแหล่งแร่โปแตชจะลึกจากผิวดิน200 เมตร ข้างบนจะเป็นน้ำเกลือ แค่ชาวบ้านดูดน้ำ เกลือขึ้นมาขายหนี้สินก็หายไปแยะแล้ว แต่วันนี้รัฐบาลไทยนำสมบัติของชาติมูลค่ามหาศาลขายให้ นายเหนียนปินในราคาเพียง 26 ล้านบาท ดังนั้นเราต้องลุกขึ้นมาต่อสู้ ขอเรียกร้องให้คนอีสานรวม ตัวกันมากๆเพื่อทวงสิทธิ์ของเราที่กรุงเทพในวันที่ 4 กุมภาพันธ์นี้ร่วมกับนายสนธิ ลิ้มทองกุล

ด้านนายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ดำเนินรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ กล่าวว่านายเหยียน ปิน เป็นเพียงตัวกลางในการที่จะดึงทุนจากประเทศจีนเข้ามา ซึ่งคือนายหน้านั่นเอง และรัฐบาลก็ไปสม รู้ร่วมคิดกับนายทุนทางประเทศจีนโดยผ่านนายเหยียน ปิน เมื่อทุนจีนเข้ามาลงทุนในเหมืองโปแตชก็ มีราคาหนึ่ง ส่วนต่างราคาก็จ่ายให้กับนักการเมืองซีกรัฐบาล และที่นายพงษ์ศักดิ์ ระบุว่ากรณีที่นาย เหยียนปิน เข้ามาถือหุ้นในประเทศไทย เพราะรู้คุณประเทศ ฟังแล้วจะอ้วก แล้วพ.ต.ท.ทักษิณขาย หุ้นบริษัทชินคอร์ปฯทิ้งไป เพราะรู้คุณประเทศด้วยหรือไม่ ถ้าพูดต้องพูดให้ครบ?

หมวดหมู่ของข่าว: 

เนื้อหาข่าวเป็นการรวบรวมเพื่อการศึกษาวิจัยเท่านั้น อันเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ มิได้นำไปเพื่อการค้าแต่อย่างใด