
1 ก.พ. 49
สหพันธ์องค์กรผู้บริโภคยื่นคัดค้านคำให้การ กฟผ.เพิ่ม ด้วยเหตุผลขัด พ.ร.บ.ทุนฯ ไม่ใช่รัฐวิสาหกิจเข้าข่ายเจ๊งจนต้องแปรรูป จับตาแผนย้ายเม็ดเงินชินคอร์ป 7 หมื่นล้าน ประมูลธุรกิจโรงไฟฟ้า
นางสาวรสนา โตสิตระกูล กรรมการสหพันธ์องค์กรผู้บริโภค (สอบ.) เปิดเผยว่า สหพันธ์ฯ เข้ายื่นหนังสือขอคัดค้านคำให้การของผู้ถูกฟ้องคดีแปรรูป บริษัท กฟผ. จำกัด (มหาชน) ต่อศาลปกครองสูงสุด ด้วยเหตุผลคือ พระราชกฤษฎีกาทั้งสองฉบับขัดต่อ พ.ร.บ.ทุนรัฐวิสาหกิจ พ.ศ.2542 ซึ่งเป็นเครื่องมือของรัฐในการเปลี่ยนรัฐวิสาหกิจเป็นบริษัท โดยเฉพาะหน่วยงานที่มีปัญหาการขาดทุนอย่างต่อเนื่องจนเป็นภาระด้านงบประมาณของชาติ แต่ บมจ.กฟผ.เป็นรัฐวิสาหกิจที่มีผลดำเนินการที่มีประสิทธิภาพและมีผลกำไรมาตลอด จึงไม่จำเป็นต้องแปรรูป
"กรณีนี้เป็นการนำกฤษฎีกาที่มีศักดิ์ต่ำกว่ามาขัดต่อพระราชบัญญัติ ซึ่งไม่สามารถทำได้อยู่แล้ว เห็นได้ชัดจากคำให้การที่ผู้ถูกฟ้องมาแถลงต่อศาลปกครองสูงสุดที่เราสามารถขัดได้ทุกคำให้การ การกระทำของผู้ถูกฟ้องเห็นได้ชัดว่าขัดต่อกฎหมาย" นางรสนากล่าว
ขณะเดียวกัน การแปรรูป บมจ.กฟผ.มีการประเมินมูลค่าทรัพย์สินและกิจการต่ำกว่าที่ควรเป็น โดยประเมินไว้เพียง 2.4 แสนล้านบาท ขณะที่มูลค่าจริงสูงถึง 3.797 ล้านล้านบาท หากกระจายหุ้นที่สัดส่วน 25% ตามที่ผู้ถูกฟ้องอ้างจะทำให้รัฐเสียประโยชน์ถึง 9.07 แสนล้านบาท
สำหรับคำคัดค้านของฝ่ายผู้ถูกฟ้องที่ว่า ผู้ฟ้องไม่สามารถฟ้องได้ เพราะหมดอายุความ 90 วันนั้น สหพันธ์ฯ ขอค้าน เพราะเป็นเรื่องสาธารณะที่มีผลกระทบต่อประชาชนส่วนรวม จึงเป็นเรื่องที่สามารถดำเนินการได้ ซึ่งมีกรณี ปตท.เป็นบทเรียน ดูจากราคาก๊าซหุงต้มเดิมอยู่ที่ถังละ 165 บาท ปัจจุบันเพิ่มเป็น 250 บาท
นางสาวสายรุ้ง ทองปลอน ผู้จัดการสหพันธ์องค์กรมูลนิธิคุ้มครองผู้บริโภค กล่าวว่า อาจมีความเป็นไปได้ที่ครอบครัวชินวัตรอาจนำเงินจากการขายหุ้นชินคอร์ปอเรชั่น 73,300 ล้านบาท มาลงทุนในธุรกิจการผลิตไฟฟ้าภาคเอกชนรายใหญ่ (ไอพีพี) ที่รัฐเตรียมประกาศประมูลภายในปีนี้ ซึ่งอาจเป็นการเปลี่ยนเป้าหมายจากเดิมจะนำเม็ดเงินมาซื้อหุ้น บมจ.กฟผ. แต่การกระจายหุ้นถูกระงับออกไปก่อน จึงต้องหาการลงทุนธุรกิจใหม่